- เศรษฐกิจของประเทศในยูโรโซนส่วนใหญ่ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วหดตัวลงกว่าที่คาด การณ์
1. GDP ของฝรั่งเศสหดตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
เนื่องจากการลงทุนและการส่งออกปรับตัวลดลง
2. GDP ของเยอรมนีหดตัวลง 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
3. GDP ของอิตาลีหดตัวลง 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากกิจกรรมที่ซบเซาในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคเกษตร แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจในแถบยูโรโซนจะไม่ถดถอย เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ส่งสัญญาณของการฟื้นตัวแล้ว
- รองประธาน FED สนับสนุนให้ใช้ QE แก้ปัญหาเศรษฐกิจต่อไป โดยเห็นว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากของ FED เป็นสิ่งที่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่ยังย่ำแย่ รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งการว่างงานและความยากลำบากของประชาชนเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่า FED ควรเร่งส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- มูดี้ส์ เปิดเผยว่า ความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจโลกลดลงแล้ว แม้ว่าการฟื้นตัวจะยังซบเซาและยังมีความเสี่ยงจำนวนมากอยู่ก็ตาม โดยในระยะใกล้นี้ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะขยายตัวต่ำกว่าระดับแนวโน้ม ส่วนในตลาดเกิดใหม่จะมีการขยายตัวค่อนข้างอ่อนแอ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม G20 จะขยายตัวในปี 2556 และ 2557 ที่ 2.9% และ 3.3% ตามลำดับ ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐก็จะขยายตัว ส่วนยูโรโซนจะชะงักงัน
- เอมิเรตส์ เอ็นบีดี ธนาคารรายใหญ่สุดของดูไบ เปิดเผยว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่จะผลักดันเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัว ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งช่วยผลักดันอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น บราซิลจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 ในปี 2557 และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 31 ในปี 2559 ในขณะที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2557 และการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2561 ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ต่างก็กระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
- เกาหลีใต้เกินดุลการค้า 476 ล้านดอลลาร์ในเดือน ม.ค. โดยเกินดุลเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน เนื่องจากการส่งออกขยายตัวเพิ่ม 10.9% จากปีที่แล้ว ในหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และอุปกรณ์สื่อสาร และยอดส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น 23.6% จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดอเมริกา ยุโรป และแถบตะวันออกกลาง
- ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจกำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายเน้นการขยายตัวของญี่ปุ่น โดยกังวลเรื่องศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาที่ย่ำแย่ลงของกลุ่มผู้ส่งออกเกาหลีใต้ หลังจากที่ค่าเงินเยนลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับเงินวอน ตั้งแต่เดือน ก.ย. 55
- ธ.กลางญี่ปุ่น มีมติคงอัตราดอกเบี้นนโยบายที่ 0.0%-0.1% โดยประเมินว่าภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจได้จบลงแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศนโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการประเมินผลกระทบของการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%
- ธ.กลางญี่ปุ่น เตรียมนำเรื่องค่าเงินเยนอ่อนตัวเข้าหารือในการประชุม G20 หลังการอ่อนตัวของค่าเงินส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโลก เพราะแม้ว่าจะพยายามแก้ปัญหาแล้วแต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้เงินเยนอ่อนตัวลงมากที่สุดกับสกุลเงินดอลลาร์และยูโร
- อัตราเงินเฟ้ออินเดียเดือน ม.ค. ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ ธ.กลางอินเดีย จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งหลังจากที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจสะดุดลง ทั้งนี้ ดัชนีราคาค้าส่งเดือน ม.ค.ขยับขึ้น 6.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 7.18% ในเดือนธ.ค.
- กลต. ส่งเสริมให้ภาครัฐใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือในการระดมทุนเพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณและหนี้สาธารณะของภาครัฐ เช่น การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่จัดตั้งได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงาน หรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (securitization) ซึ่งสามารถนำสินทรัพย์สภาพคล่องต่ำมาแปลงเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงได้ โดยเงินที่ได้รับจากการระดมทุนสามารถนำไปพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้
- ซีอีโอ สายการบินแอร์เอเชีย เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ไทยเป็นฮับของสายการบินต้นทุนต่ำ โดยจะปรับราคาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงสินค้าและซื้อตั๋วเดินทางได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีการประสานร่วมกับ ทีโอที ก.คมนาคม ในเรื่องการขยายเส้นทางและแนวทางลดค่าโดยสาร เพื่อส่งผลให้การเชื่อมโยงของการเดินทางทางอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- SET Index ปิดตลาดที่ 1,526.74จุด เพิ่มขึ้น 12.63 จุด หรือ +0.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57,782.92 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 71.02 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวันและปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเซีย โดยกลุ่มโรงพยาบาลและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.00% ถึง +0.02% สำรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท
- ธปท. เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินไหลเข้า แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักเนื่องจากการที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง ยังมีการคำนวณถึงความเสี่ยงของประเทศ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่อง ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยเพียงปัจจัยเดียว เช่น พันธบัตรของกรีซที่ให้ผลตอบแทนถึง 30% แต่นักลงทุนก็ไม่เข้าไปลงทุนแม้จะได้ผลตอบแทนที่ดีก็ตาม
