คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า ผู้จัดการกองทุนและเฮดจ์ฟันด์ปรับเพิ่มปริมาณการถือครองสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นทอง, โลหะเงิน และทองแดง ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นช่วยหนุนอุปสงค์โลหะในวงกว้าง
นักเก็งกำไรเพิ่มปริมาณการถือครองสถานะซื้อสุทธิในพัลลาเดียมและพลาตินั่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่
CFTC ระบุในรายงานภาระผูกพันของเทรดเดอร์ว่า นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในทองขึ้น 4,845 สัญญา สู่ 86,926 สัญญาในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันอังคารที่ 5 ก.พ.
ราคาสัญญาทองพุ่งขึ้น 1.5 % ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ทองมีสถานะเป็นเครื่องมือทำประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ หลังจากรัฐบาลสหรัฐรายงานในวันศุกร์ที่ 1 ก.พ.ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนม.ค.
นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในโลหะเงินขึ้น 49 สัญญา สู่ 29,628 สัญญา และปรับเพิ่มสถานะซื้อในทองแดงขึ้น 8,202 สัญญา สู่ 22,650 สัญญา
นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในพลาตินั่มขึ้น 1,593 สัญญา สู่ 42,530 สัญญา และเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในพัลลาเดียมขึ้น 292 สัญญา สู่22,824 สัญญา
ราคาโลหะกลุ่มพลาตินั่มพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่าราคาทองและโลหะเงินในช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทาน และจากการฟื้นตัวของอุปสงค์รถยนต์
โกลด์แมน แซคส์แนะนำให้นักลงทุนยังคงถือสถานะซื้อในดัชนี S&P GSCI Brent Crude Total Return Index โดยระบุว่า ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกที่ตึงตัวจะดันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นต่อไป
"เราคาดว่า ตลาดทั่วโลกจะยังคงตึงตัวตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ และแนวโน้มต่อการคาดการณ์ในระยะใกล้ของเราได้เปลี่ยนเป็นช่วงขาขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา" โกลด์แมน แซคส์ระบุในบันทึกถึงลูกค้า
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้ปรับตัวสู่ช่วงขาขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตามการกระเตื้องขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และไม่มีความวิตกด้านอุปทานในปีนี้ ซึ่งแตกต่างจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การลดลงอย่างมากของผลผลิตน้ำมันจากซาอุดิอาระเบีย และปัญหาคอขวดในระบบการขนส่งของสหรัฐกำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก
"การขยายตัวของการผลิตน้ำมันดิบในแคนาดากำลังได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากการที่ไม่สามารถส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นต่างๆในสหรัฐ" โกลด์แมน แซคส์ระบุ
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นใกล้ระดับ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ โดยปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4
มีการคาดการณ์กันว่า ทางการสหรัฐ, อังกฤษเตรียมสั่งปรับธนาคารอีกหลายแห่งในคดีปั่น Libor แหล่งข่าวกล่าวว่า ภายในช่วงกลางปีนี้ สหรัฐและอังกฤษจะสั่งปรับบริษัทอีกหลายแห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสั่งปรับธนาคาร 3แห่งในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทที่อาจถูกสั่งปรับในอนาคตรวมถึงซิตี้กรุ๊ปของสหรัฐ, เจพีมอร์แกน เชสของสหรัฐ, ดอยช์ แบงก์ของเยอรมนี และ ICAP ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์ในอังกฤษ
ทางการสหรัฐและอังกฤษเพิ่งสั่งปรับธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์(RBS) ในวันพุธที่ผ่านมา หลังจากสั่งปรับธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษ และธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ โดยสั่งปรับธนาคารทั้งสามเป็นเงินรวมกัน 2.6 พันล้านดอลลาร์ในข้อหาเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน (Libor)
การสอบสวนคดี Libor ครอบคลุมธนาคารชั้นนำมากกว่า 12 แห่งทั่วโลกโดยแหล่งข่าวกล่าวว่า "จะมีรายอื่นๆอีกที่ถูกสั่งปรับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยการสอบสวนกำลังคืบหน้า" ขณะที่ผู้สอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อพิสูจน์ว่า เทรดเดอร์คนใดในธนาคารแห่งใดและบริษัทโบรกเกอร์แห่งใดบ้างที่พยายามปั่น Libor
ผู้ควบคุมกฎระเบียบได้เปิดเผยอีเมล์และข้อความสื่อสารทางคอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์หลายคนในธนาคารและบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งได้สมรู้ร่วมคิดกันมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วในการปั่นLibor โดย Libor เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ใช้ในการกำหนดราคาสัญญาทางการเงินมูลค่า 500 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในตราสารอนุพันธ์และบัตรเครดิต
แหล่งข่าวกล่าวว่า "หนังสือเวียนของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบระบุว่าดอยช์แบงก์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกนเป็นธนาคารที่ใกล้จะรอมชอมคดีเป็นรายถัดไป"
ผู้ควบคุมกฎระเบียบระบุว่า มีบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์ราว5 แห่งที่ช่วยเหลือเทรดเดอร์ในการปั่นอัตราดอกเบี้ย โดยบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์เป็นบริษัทที่ได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขาย
เครื่องมือทางการเงิน
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ผู้ควบคุมกฎระเบียบกำลังเพ่งเล็งICAP อยู่ในขณะนี้
ICAP เคยยืนยันในเดือนม.ค.ว่า สำนักงานบริการทางการเงิน(FSA) ของอังกฤษกำลังสอบสวนบริษัทแห่งหนึ่งในเครือ ICAP ในคดี Libor
ICAP แถลงว่า ICAP ได้สั่งพักงานเทรดเดอร์รายหนึ่ง และให้เทรดเดอร์ 3 รายลางาน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดี Liborภายในบริษัท
ดอยช์ แบงก์สั่งพักงานเทรดเดอร์ 5 รายในวันอังคารในฐานะผู้ต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังจากมีการสอบสวนภายในดอยช์แบงก์ในคดีปั่นยูริบอร์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในยูโรโซน
ดอยช์ แบงก์เคยสั่งพักงานเทรดเดอร์ไปแล้ว 2 รายในปี 2012ในข้อหาเกี่ยวกับ Libor โดยดอยช์ แบงก์ได้กันเงินไว้แล้วเกือบ 2 พันล้านยูโรเพื่อใช้ในคดีความทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงอาจจะใช้ในคดี Libor ด้วย
ดอยช์ แบงก์มีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายค่าปรับให้แก่ BaFin ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของเยอรมนีในช่วงใกล้สิ้นปีนี้ โดย BaFinได้เริ่มต้นสอบสวนคดี Libor ในดอยช์ แบงก์ในปีที่แล้ว หลังจากคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) เริ่มสอบสวนคดี Liborในช่วง 4 ปีก่อนหน้านั้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า BaFin มีแนวโน้มที่จะทำรายงานเสร็จภายในช่วงต้นเดือนมี.ค. และรายงานดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นพื้นฐานในการรอมชอมคดีแบบข้ามทวีป
CFTC, กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และ FSA เป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบเพียง 3 แห่งที่ร่วมมือกันในช่วงที่ผ่านมาในการสั่งปรับธนาคารพาณิชย์ในข้อหาปั่น Libor
(ข้อมูลจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
นักเก็งกำไรเพิ่มปริมาณการถือครองสถานะซื้อสุทธิในพัลลาเดียมและพลาตินั่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่
CFTC ระบุในรายงานภาระผูกพันของเทรดเดอร์ว่า นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในทองขึ้น 4,845 สัญญา สู่ 86,926 สัญญาในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันอังคารที่ 5 ก.พ.
ราคาสัญญาทองพุ่งขึ้น 1.5 % ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ทองมีสถานะเป็นเครื่องมือทำประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ หลังจากรัฐบาลสหรัฐรายงานในวันศุกร์ที่ 1 ก.พ.ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนม.ค.
นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในโลหะเงินขึ้น 49 สัญญา สู่ 29,628 สัญญา และปรับเพิ่มสถานะซื้อในทองแดงขึ้น 8,202 สัญญา สู่ 22,650 สัญญา
นักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในพลาตินั่มขึ้น 1,593 สัญญา สู่ 42,530 สัญญา และเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในพัลลาเดียมขึ้น 292 สัญญา สู่22,824 สัญญา
ราคาโลหะกลุ่มพลาตินั่มพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่าราคาทองและโลหะเงินในช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทาน และจากการฟื้นตัวของอุปสงค์รถยนต์
โกลด์แมน แซคส์แนะนำให้นักลงทุนยังคงถือสถานะซื้อในดัชนี S&P GSCI Brent Crude Total Return Index โดยระบุว่า ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกที่ตึงตัวจะดันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นต่อไป
"เราคาดว่า ตลาดทั่วโลกจะยังคงตึงตัวตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ และแนวโน้มต่อการคาดการณ์ในระยะใกล้ของเราได้เปลี่ยนเป็นช่วงขาขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา" โกลด์แมน แซคส์ระบุในบันทึกถึงลูกค้า
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้ปรับตัวสู่ช่วงขาขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตามการกระเตื้องขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และไม่มีความวิตกด้านอุปทานในปีนี้ ซึ่งแตกต่างจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การลดลงอย่างมากของผลผลิตน้ำมันจากซาอุดิอาระเบีย และปัญหาคอขวดในระบบการขนส่งของสหรัฐกำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก
"การขยายตัวของการผลิตน้ำมันดิบในแคนาดากำลังได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากการที่ไม่สามารถส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นต่างๆในสหรัฐ" โกลด์แมน แซคส์ระบุ
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นใกล้ระดับ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ โดยปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4
มีการคาดการณ์กันว่า ทางการสหรัฐ, อังกฤษเตรียมสั่งปรับธนาคารอีกหลายแห่งในคดีปั่น Libor แหล่งข่าวกล่าวว่า ภายในช่วงกลางปีนี้ สหรัฐและอังกฤษจะสั่งปรับบริษัทอีกหลายแห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสั่งปรับธนาคาร 3แห่งในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทที่อาจถูกสั่งปรับในอนาคตรวมถึงซิตี้กรุ๊ปของสหรัฐ, เจพีมอร์แกน เชสของสหรัฐ, ดอยช์ แบงก์ของเยอรมนี และ ICAP ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์ในอังกฤษ
ทางการสหรัฐและอังกฤษเพิ่งสั่งปรับธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์(RBS) ในวันพุธที่ผ่านมา หลังจากสั่งปรับธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษ และธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ โดยสั่งปรับธนาคารทั้งสามเป็นเงินรวมกัน 2.6 พันล้านดอลลาร์ในข้อหาเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน (Libor)
การสอบสวนคดี Libor ครอบคลุมธนาคารชั้นนำมากกว่า 12 แห่งทั่วโลกโดยแหล่งข่าวกล่าวว่า "จะมีรายอื่นๆอีกที่ถูกสั่งปรับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยการสอบสวนกำลังคืบหน้า" ขณะที่ผู้สอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อพิสูจน์ว่า เทรดเดอร์คนใดในธนาคารแห่งใดและบริษัทโบรกเกอร์แห่งใดบ้างที่พยายามปั่น Libor
ผู้ควบคุมกฎระเบียบได้เปิดเผยอีเมล์และข้อความสื่อสารทางคอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์หลายคนในธนาคารและบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งได้สมรู้ร่วมคิดกันมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วในการปั่นLibor โดย Libor เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ใช้ในการกำหนดราคาสัญญาทางการเงินมูลค่า 500 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในตราสารอนุพันธ์และบัตรเครดิต
แหล่งข่าวกล่าวว่า "หนังสือเวียนของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบระบุว่าดอยช์แบงก์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกนเป็นธนาคารที่ใกล้จะรอมชอมคดีเป็นรายถัดไป"
ผู้ควบคุมกฎระเบียบระบุว่า มีบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์ราว5 แห่งที่ช่วยเหลือเทรดเดอร์ในการปั่นอัตราดอกเบี้ย โดยบริษัทโบรกเกอร์ระหว่างดีลเลอร์เป็นบริษัทที่ได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขาย
เครื่องมือทางการเงิน
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ผู้ควบคุมกฎระเบียบกำลังเพ่งเล็งICAP อยู่ในขณะนี้
ICAP เคยยืนยันในเดือนม.ค.ว่า สำนักงานบริการทางการเงิน(FSA) ของอังกฤษกำลังสอบสวนบริษัทแห่งหนึ่งในเครือ ICAP ในคดี Libor
ICAP แถลงว่า ICAP ได้สั่งพักงานเทรดเดอร์รายหนึ่ง และให้เทรดเดอร์ 3 รายลางาน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดี Liborภายในบริษัท
ดอยช์ แบงก์สั่งพักงานเทรดเดอร์ 5 รายในวันอังคารในฐานะผู้ต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังจากมีการสอบสวนภายในดอยช์แบงก์ในคดีปั่นยูริบอร์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในยูโรโซน
ดอยช์ แบงก์เคยสั่งพักงานเทรดเดอร์ไปแล้ว 2 รายในปี 2012ในข้อหาเกี่ยวกับ Libor โดยดอยช์ แบงก์ได้กันเงินไว้แล้วเกือบ 2 พันล้านยูโรเพื่อใช้ในคดีความทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงอาจจะใช้ในคดี Libor ด้วย
ดอยช์ แบงก์มีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายค่าปรับให้แก่ BaFin ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของเยอรมนีในช่วงใกล้สิ้นปีนี้ โดย BaFinได้เริ่มต้นสอบสวนคดี Libor ในดอยช์ แบงก์ในปีที่แล้ว หลังจากคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) เริ่มสอบสวนคดี Liborในช่วง 4 ปีก่อนหน้านั้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า BaFin มีแนวโน้มที่จะทำรายงานเสร็จภายในช่วงต้นเดือนมี.ค. และรายงานดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นพื้นฐานในการรอมชอมคดีแบบข้ามทวีป
CFTC, กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และ FSA เป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบเพียง 3 แห่งที่ร่วมมือกันในช่วงที่ผ่านมาในการสั่งปรับธนาคารพาณิชย์ในข้อหาปั่น Libor
(ข้อมูลจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
