ประเมินแนวโน้มตลาดวันนี้ขึ้น-ลงในกรอบ 1,468-1,483 ให้จับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงการประกาศผลประกอบการทั้งของไทยและสหรัฐฯ ช่วงนี้ พบนักลงทุนเริ่มเทรดหุ้นในระยะสั้นๆ กันมากขึ้น น่าระวังความผันผวนให้มาก
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย ) จำกัด ประเมินภาพรวมตลาดยังขยับกันต่อในกรอบ uptrend แต่มองน่าระวังมากขึ้น หลังดัชนีไต่ระดับขึ้นมาต่อเนื่องแบบแทบไม่มีการปรับฐานมากว่า 2 เดือน แม้เครื่องมือทางเทคนิคบางตัวยืนในเขตซื้อมากเกินไปมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม ปัจจัยระยะสั้นจับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงการประกาศผลประกอบการทั้งของไทยและสหรัฐฯ ในช่วงนี้ พบนักลงทุนเริ่มเทรดหุ้นในระยะสั้นๆ กันมากขึ้น จึงน่าระวังความผันผวนให้มาก
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นหากเก็งกำไรระยะสั้นนั้นยังทำต่อไปได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยให้แนวต้านที่ 1,483-1,489 ส่วนแนวรับที่ 1,468-1,456
สำหรับปัจจัยเด่นวันนี้คือ น้ำมันดิบ (มี.ค.) ที่ NYMEX ปิดพุ่งขึ้น 1.13 มาที่ 97.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังข้อมูลตลาดบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ หนุนความเชื่อมั่นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งดาวโจนส์ปิดบวก 72.49 มาที่ 13,954.42 จุด ขณะที่ราคาบ้านในสหรัฐฯ ปรับขึ้นในเดือน พ.ย. บ่งชี้ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังฟื้นตัว แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี หลังการขึ้นภาษีจำนวนมาก แถมตัวเลขนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 37.31 ล้านบาท เมื่อวานนี้ ขณะที่ ครม.อนุมัติลดส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 56 เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าแรง 300 บาท และดอยช์แบงก์ขยับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,650 จุด
นอกจากนี้ วันนี้ SCC จะประกาศผลการดำเนินงาน คาดกำไร 6-7 พันล้านบาท+ปันผล 2H55 ที่ 5-6 บาท 2) GLOW คาดกำไรอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท+ปันผล 2H55 ที่ 1.68 บาท
อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบคือเจโทรเผยผลสำรวจแนวโน้ม ศก.ของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย 2H55 พบว่าปีนี้มีการตั้งวงเงินลงทุนด้านโรงงาน/เครื่องจักรขยายตัวลดลง 50% หลังลงทุนฟื้นฟูน้ำท่วมมากในปีก่อนหน้า ขณะที่ปีนี้มีลงทุนพื้นที่น้ำท่วมเพียง 6% (ไม่รวมนักลงทุนใหม่) ชี้อินโดฯ เป้าหมายย้ายไปลงทุน อีกทั้ง ธปท.เตือนสัญญาณฟองสบู่ ประเมินแนวโน้มตลาดวันนี้ขึ้น-ลงในกรอบ 1468-1483 ให้จับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงการประกาศผลประกอบการทั้งของไทยและสหรัฐฯ ช่วงนี้ พบนักลงทุนเริ่มเทรดหุ้นในระยะสั้นๆ กันมากขึ้น น่าระวังความผันผวนให้มาก “ตลาดหุ้น-อสังหาฯ” บางพื้นที่แม้ยังไม่เสี่ยงมาก แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง
***********
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย ) จำกัด ประเมินภาพรวมตลาดยังขยับกันต่อในกรอบ uptrend แต่มองน่าระวังมากขึ้น หลังดัชนีไต่ระดับขึ้นมาต่อเนื่องแบบแทบไม่มีการปรับฐานมากว่า 2 เดือน แม้เครื่องมือทางเทคนิคบางตัวยืนในเขตซื้อมากเกินไปมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม ปัจจัยระยะสั้นจับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงการประกาศผลประกอบการทั้งของไทยและสหรัฐฯ ในช่วงนี้ พบนักลงทุนเริ่มเทรดหุ้นในระยะสั้นๆ กันมากขึ้น จึงน่าระวังความผันผวนให้มาก
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นหากเก็งกำไรระยะสั้นนั้นยังทำต่อไปได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยให้แนวต้านที่ 1,483-1,489 ส่วนแนวรับที่ 1,468-1,456
สำหรับปัจจัยเด่นวันนี้คือ น้ำมันดิบ (มี.ค.) ที่ NYMEX ปิดพุ่งขึ้น 1.13 มาที่ 97.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังข้อมูลตลาดบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ หนุนความเชื่อมั่นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งดาวโจนส์ปิดบวก 72.49 มาที่ 13,954.42 จุด ขณะที่ราคาบ้านในสหรัฐฯ ปรับขึ้นในเดือน พ.ย. บ่งชี้ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังฟื้นตัว แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี หลังการขึ้นภาษีจำนวนมาก แถมตัวเลขนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 37.31 ล้านบาท เมื่อวานนี้ ขณะที่ ครม.อนุมัติลดส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 56 เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าแรง 300 บาท และดอยช์แบงก์ขยับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,650 จุด
นอกจากนี้ วันนี้ SCC จะประกาศผลการดำเนินงาน คาดกำไร 6-7 พันล้านบาท+ปันผล 2H55 ที่ 5-6 บาท 2) GLOW คาดกำไรอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท+ปันผล 2H55 ที่ 1.68 บาท
อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบคือเจโทรเผยผลสำรวจแนวโน้ม ศก.ของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย 2H55 พบว่าปีนี้มีการตั้งวงเงินลงทุนด้านโรงงาน/เครื่องจักรขยายตัวลดลง 50% หลังลงทุนฟื้นฟูน้ำท่วมมากในปีก่อนหน้า ขณะที่ปีนี้มีลงทุนพื้นที่น้ำท่วมเพียง 6% (ไม่รวมนักลงทุนใหม่) ชี้อินโดฯ เป้าหมายย้ายไปลงทุน อีกทั้ง ธปท.เตือนสัญญาณฟองสบู่ ประเมินแนวโน้มตลาดวันนี้ขึ้น-ลงในกรอบ 1468-1483 ให้จับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงการประกาศผลประกอบการทั้งของไทยและสหรัฐฯ ช่วงนี้ พบนักลงทุนเริ่มเทรดหุ้นในระยะสั้นๆ กันมากขึ้น น่าระวังความผันผวนให้มาก “ตลาดหุ้น-อสังหาฯ” บางพื้นที่แม้ยังไม่เสี่ยงมาก แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง
***********