เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เยอร์เกน ฟิตเชนซีอีโอร่วมของ “ดอยช์แบงก์” สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกซึ่งมีสาขาในมากกว่า 70 ประเทศ ออกโรงเตือนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลใหม่ญี่ปุ่น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะ “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” ชี้ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจแดนปลาดิบซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้
ฟิตเชนซึ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอร่วมของดอยช์แบงก์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เปิดเผยที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนีในวันพุธ (16) โดยระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจน่าเป็นห่วงมากที่สุดในเอเชียขณะนี้ พร้อมชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลถึง 10.3 ล้านล้านเยน (ราว 3.5 ล้านล้านบาท) ที่ประกาศโดยนายกรัฐมนตรีอาเบะล่าสุด ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และจะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะซบเซาที่ดำเนินมาตลอด 20 ปีได้ แม้รัฐบาลของนายอาเบะจะคาดหวังไว้สูงว่า แผนกระตุ้นดังกล่าวจะช่วยสร้างงานให้กับประชาชน และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
นอกจากนั้น ซีอีโอของดอยช์แบงก์ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นนาน 3 ปี ยังเตือนว่า เศรษฐกิจจะถูกซ้ำเติมหนักยิ่งขึ้น หากเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้สามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วยการเข้าถึง “ตลาดแรงงานราคาถูก” โดยเฉพาะในเกาหลีเหนือ หลังรัฐบาลเปียงยางภายใต้การนำของผู้นำสูงสุดคิม จองอึน เริ่มส่งสัญญาณว่าพร้อมเปิดกว้างมากขึ้นทางด้านเศรษฐกิจและยินดีร่วมมือกับเกาหลีใต้
“ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญฝันร้ายครั้งใหญ่ หากเกาหลีเหนือเปิดประเทศ เพราะการเปิดประเทศของเกาหลีเหนือจะทำให้เกาหลีใต้ได้เปรียบญี่ปุ่น ในการเข้าถึงแหล่งผลิตสินค้าที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำและมีทรัพยากรมหาศาลสำหรับเป็นวัตถุดิบรองรับการผลิต” ฟิตเชนกล่าว