xs
xsm
sm
md
lg

สงครามค่าเงินและการเติบโต ของตลาดเกิดใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สงครามค่าเงินและการเติบโต ของตลาดเกิดใหม่
        ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า เงินเอเชียจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีมาก และปริมาณเงินทุนไหลเข้า
        ผลสำรวจความเห็นนักวางแผนกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนและนักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 70 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่า สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ทั้ง 9 สกุลจะแข็งค่าขึ้น โดยคาดว่าดอลลาร์สิงคโปร์และวอนจะแข็งค่ามากที่สุด
        อัตราการแข็งค่าขึ้นจะอยู่ในช่วงไม่ถึง 1% สำหรับสกุลเงินต่างๆ อาทิ รูเปียห์ ซึ่งเผชิญกับแรงกดดันจากยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมหาศาล ไปจนถึงแข็งค่ามากกว่า 1% เล็กน้อยสำหรับหยวน และแข็งค่าถึง 4% สำหรับวอนและดอลลาร์สิงคโปร์
        แต่การแข็งค่าดังกล่าวยังคงมีสัดส่วนที่น้อยกว่าในปีที่แล้วสำหรับสกุลเงินส่วนใหญ่ โดยวอนพุ่งขึ้นเกือบ 8% และเปโซทะยานขึ้นเกือบ 7% ในปีที่แล้ว
        นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเสี่ยงดังกล่าวมีนัยสำคัญที่สกุลเงินเอเชียจะถูกสกัดช่วงขาขึ้นในปีนี้จากความวิตกเกี่ยวกับการลดค่าเงินเพื่อแข่งขัน อันเป็นผลจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของประเทศพัฒนาแล้ว
        แต่สิ่งที่สร้างความวิตกให้แก่ผู้กำหนดนโยบายของเอเชียเป็นพิเศษก็คือค่าเงินเยน ซึ่งร่วงลงเกือบ 15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนพ.ย. ขณะที่รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ดำเนินความพยายามมากขึ้นเพื่อทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะถดถอย และภาวะเงินฝืดที่ดำเนินมาหลายปี
        "นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณในขณะนี้ของสหรัฐจะนำนักลงทุนมายังเอเชีย" นายมิทูล โคเตชา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลกของบริษัท เครดิต อะกริโคล กล่าว
        "เรากำลังจะเข้าสู่สภาวะที่ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงจะเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงินที่มีค่า beta สูง เนื่องจากเราคิดว่า ภูมิภาคเอเชียจะปรับตัวโดดเด่นกว่าจากมุมมองเรื่องเศรษฐกิจ"
        การอ่อนค่าของเยนจะเป็นอุปสรรคลำดับแรกในบัญชีรายชื่ออุปสรรคต่อสกุลเงินของภูมิภาค ซึ่งได้แก่ผลกระทบจากการเจรจาหนี้ของสหรัฐ, แนวโน้มการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีการเทขายพันธบัตรเอเชีย, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไร้เสถียรภาพครั้งใหม่ในวิกฤติหนี้ของยุโรป
        การแทรกแซงไม่ได้เป็นเรื่องน่าวิตกเพียงเรื่องเดียวสำหรับนักลงทุนในตลาดโดยพวกเขายังกังวลว่า ปริมาณเงินทุนไหลเข้าจำนวนมหาศาลสู่เอเชียในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอาจจะเริ่มไหลย้อนกลับ เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวมากขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว และความวิตกต่อสงครามค่าเงินเป็นจริงขึ้นมาซึ่งจะเพิ่มความเปราะบางของสกุลเงินต่างๆ อาทิ รูปี ซึ่งคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นราว 1%ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า หลังจากที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคในปีที่แล้ว
        ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) เปิดเผยดัชนีตลาดเกิดใหม่ (EMI) โดยระบุว่ากิจกรรมในตลาดเกิดใหม่ขยายตัวในเดือนม.ค.ในอัตราที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และมาตรวัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจบ่งชี้ว่า สถานการณ์
จะดีขึ้นไปอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
        รายงานดัชนี HSBC EMI ระบุว่า ประเทศกลุ่ม BRIC ทั้ง 4 ประเทศซึ่งได้แก่บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีน ต่างก็มีดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตและภาคบริการอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวออกไป
        HSBC ระบุว่า ดัชนีตลาดเกิดใหม่ดีดตัวขึ้นจาก 53.0 ในเดือนธ.ค.สู่ 53.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2012 โดยดัชนีดังกล่าวจัดทำจากดัชนี PMI ของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ 16 ประเทศ
โดยใช้ข้อมูลจากบริษัทมาร์กิต
        คำสั่งซื้อในภาคการผลิตพุ่งขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2011 และดีดตัวขึ้นในหลายประเทศในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคการผลิตของจีนทะยานขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบ 2 ปี
        นายปาโบล โกลด์เบิร์ก หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดเกิดใหม่ของ HSBCกล่าวว่า "ตัวเลขที่แข็งแกร่งที่สุดยังคงมาจากภาคบริการ แม้ถูกกดดันมากยิ่งขึ้นจากต่างประเทศ และสิ่งที่ถือว่าเป็นข่าวดีในครั้งนี้ก็คือการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคการผลิต"
        ผลสำรวจนี้ช่วยลดความกังวลที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่มีการมองว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย และกังวลว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวอย่างอ่อนแอและไม่ยั่งยืน
        นายโกลด์เบิร์กกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนกำลังช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในเอเชีย "อย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง" โดยผลผลิตภาคการผลิตของจีนพุ่งขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2011
        ยอดสั่งซื้อเพื่อส่งออกในจีนปรับตัวสูงขึ้นในเดือนม.ค. หลังจากร่วงลงในเดือนธ.ค. ในขณะที่บริษัทบางแห่งตั้งข้อสังเกตว่า อุปสงค์จากตลาดสหรัฐและยุโรปได้ปรับตัวสูงขึ้น
        ผลสำรวจระบุว่า ดัชนี PMI สำหรับยอดสั่งซื้อเพื่อส่งออกอยู่สูงกว่าระดับ50 ในประเทศตลาดเกิดใหม่ 11 จาก 16 ประเทศ ซึ่งสัดส่วนนี้ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2011
        กิจกรรมทางเศรษฐกิจในรัสเซียและตุรกีขยายตัวในเดือนม.ค. แต่ประเทศทางตอนกลางของยุโรปยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ เนื่องจากประเทศกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยูโรโซน
        ดัชนี PMI ภาคการผลิตของโปแลนด์และสาธารณรัฐเชคอยู่ต่ำกว่า 50 มาเป็นเวลานาน 9 เดือนและ 6 เดือนตามลำดับ
        HSBC เริ่มต้นจัดทำตัวเลขเศรษฐกิจตัวใหม่ด้วย ซึ่งได้แก่ดัชนีผลผลิตในอนาคตโดยรวม โดยดัชนีดังกล่าวใช้วัดการคาดการณ์ของภาคเอกชนที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยดัชนีบ่งชี้ว่ากิจกรรมในจีนอาจพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า
        บริษัทผู้ผลิตคาดการณ์ในทางบวกมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2012 ซึ่งเป็นเดือนที่ HSBC เริ่มต้นรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนีนี้
        นายโกลด์เบิร์กกล่าวว่า "การคาดการณ์ของเราบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในครั้งนี้มีความมั่นคง"
        อย่างไรก็ดี นายโกลด์เบิร์กระบุว่ามีความเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อ เพราะต้นทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่พุ่งขึ้นในเดือนม.ค.ในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน และอัตราเงินเฟ้อสำหรับราคาปัจจัยในการผลิตในภาคการผลิตพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 15 เดือน
(ข้อมูลจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
T.Thammasak
 
กำลังโหลดความคิดเห็น