เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนประจำเดือนธ.ค. มาแรงสุดในรอบ 4 เดือน อันเป็นสัญญาณล่าสุด ที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวพอประมาณของเศรษฐกิจแดนมังกรในช่วงสิ้นปี 2555
สำนักสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานเมื่อวันพฤหัสฯ (3 ธ.ค.) ว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนปรับขึ้น 56.1 ในเดือนธ.ค. จาก 55.6 จุดในเดือนพ.ย.
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค.ซึ่ง NBS แถลงเมื่อวันอังคาร (2 ธ.ค.) รักษาระดับเท่ากับเมื่อเดือนพ.ย. ที่ 50.6 ซึ่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรฟื้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้การฟื้นตัวนี้มีสิ่งบ่งชี้ว่าเกิดจากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นาย ดาริอุสซ์ โควัลซิค นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นของธนาคารเครดิตอะกริกอลในฮ่องกงระบุว่า แม้เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นการเติบโตดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2555 หลังจากไถลลงติดต่อกันถึง 7 ไตรมาส แต่ก็เป็นการฟื้นการเติบโตอย่างแผ่วเบาเท่านั้น มากกว่าจะเป็นการหวนกลับสู่การฟื้นตัวในระดับตัวเลข 2 หลักอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมาบนแดนมังกร นอกจากนั้นการกระเตื้องขึ้นนี้อาจจางหายไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ก็ได้
ทั้งนี้ ภาคบริการด้านการก่อสร้าง ซึ่งปรับขึ้น 61.9 จาก 61.3 ในเดือนพ.ย. เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนธ.ค. ปรับดีขึ้น ขณะที่ภาคบริการอื่น ๆ รวมทั้งการขนส่งชะลอการเติบโต
ความแข็งแกร่งของภาคการก่อสร้างนี้สอดคล้องกับดัชนีอื่น ๆ เช่น การปรับขึ้นของราคาที่ดิน ซึ่งแสดงว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งเป็นตัวหนุนอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกราว 40 ประเภท เริ่มพลิกฟื้นอีกครั้ง แม้รัฐบาลปักกิ่งประกาศควบคุมความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดำเนินมานาน 2 ปีต่อไป โดยจะไม่ผ่อนคลายกฎระเบียบเข้มงวดในการกู้สินเชื่อและจำนวนบ้าน ที่ประชาชนสามารถซื้อได้ก็ตาม
สำหรับการชะลอการเติบโตของภาคบริการขนส่งสอดคล้องกับความต้องการสินค้าส่งออกจากแดนมังกร ที่ลดน้อยลงของตลาดในกลุ่มชาติใช้เงินสกุลยูโร และตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเข้าสู่ภาวะถดถอย ตลอดจนอนาคตด้านการคลัง ที่ไร้ความแน่นอนของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีPMI ที่ต่ำกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจชะลอการเติบโต และเหนือกว่า 50 แสดงความเศรษฐกิจกำลังเติบโต
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจเป็นผลมาจากการใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค เช่นการก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่หวนนำกลับมาใช้อีกครั้งของรัฐบาลปักกิ่ง มากกว่าจะเป็นการฟื้นตัวจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งผู้กำหนดนโยบายของจีนยอมรับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสมดุลแก่เศรษฐกิจ
