รอยเตอร์ - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทางการจีนประจำเดือนธ.ค. รักษาระดับเท่ากับเมื่อเดือนพ.ย. ที่ 50.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรฟื้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีPMI ซึ่งอยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 3 นี้แสดงว่า ภาคการผลิตของจีนกำลังขยายตัว โดยดัชนี PMI ของทางการจีนเผยแพร่ หลังจากมีรายงานดัชนีPMI ซึ่งสำรวจโดยธนาคารเอชเอสบีซีออกมาเพียง 1 วัน ซึ่งระบุไปในแนวทางเดียวกันว่า ภาคการผลิตของจีนมีความแข็งแกร่งที่สุด นับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554 เป็นต้นมา
ผลสำรวจของทั้งสองสนับสนุนความเห็น ซึ่งมีกันมากขึ้นที่ว่า เศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. หลังจากจีดีพีไตรมาส 3 ชะลอการเติบโตมาอยู่ที่ร้อยละ7.4 ซึ่งเป็นการชะลอการเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแดนมังกรเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับภาวะเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ ที่เศรษฐกิจของชาติยูโรโซนและญี่ปุ่นอยู่ในภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ ในรายงานผลสำรวจดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของทางการจีนระบุว่า ผลผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมัน เหมืองแร่ และยาสูบปรับตัวลง ขณะที่อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตรถยนต์ สิ่งทอ เหล็กกล้า และอิเล็กทรอนิกส์ล้วนขยายตัว
ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่ ซึ่งเป็นดัชนีย่อยปรับลงจาก 50.2 ในเดือนพ.ย. เป็น 50 สอดคล้องกับผลสำรวจของเอชเอสบีซี โดยภาคการส่งออกของจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบจากความต้องการสินค้าส่งออก ที่ลดน้อยลงของตลาดนำเข้ารายใหญ่สุดของจีน ขณะที่ค่าแรงและต้นทุนการผลิตสินค้าในประเทศขยับสูงขึ้น
ดัชนีPMI ที่ต่ำกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจชะลอการเติบโต และเหนือกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจกำลังเติบโต
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า การฟื้นตัวอย่างคึกคักของเศรษฐกิจจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจเป็นผลมาจากการใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค เช่นการก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่หวนนำกลับมาใช้อีกครั้งของรัฐบาลปักกิ่ง มากกว่าจะเป็นการฟื้นตัวจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งผู้กำหนดนโยบายของจีนเองยอมรับว่า เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสมดุลแก่เศรษฐกิจ
