“พาณิชย์” เผยยอดส่งออก ธ.ค. 55 โตต่ำกว่าคาด ทำยอดทั้งหลุดเป้าเหลือโตแค่ 3.12% จากที่คาดไว้ 5% เผยสินค้าเกษตรร่วงกราวรูด “พาณิชย์” หนักใจบาทแข็ง กระทบส่งออกปีนี้
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกประจำเดือน ธ.ค. 2555 มีมูลค่า 18,101 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.45% การนำเข้ามีมูลค่า 20,466 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.67% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 2,365 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดรวมปี 2555 การส่งออกมีมูลค่ารวม 229,518 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.12% การนำเข้ามีมูลค่ารวม 247,590 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.67% ทำให้ไทยปี 2555 ไทยขาดดุลการค้า 18,071 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ยอดส่งออกในปี 2555 ที่ขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% มาจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ทำให้การส่งออกได้รับกระทบ แต่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว ประเทศอื่นก็ได้รับผลกระทบด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 แม้การส่งออกจะเผชิญความเสี่ยงสูง จากปัญหาต้นทุนการผลิต วัตถุดิบ ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า แต่กรมฯ จะไม่ปรับลด และยังคงเป้าหมายส่งออกปี 2556 ไว้เท่าเดิม คือ เติบโต 8.9% หรือ 250,175 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.28 ล้านล้านบาท โดยตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง คือ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย และที่เติบโตแต่ไม่มาก เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง
สำหรับการส่งออกเดือน ธ.ค. 2555 หมวดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรลดลง 9.2% สินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าวลด 12.4% ยางพารา 20.1% มันสำปะหลัง 15.2% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป 22.6% น้ำตาล 37.7% สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป แต่หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้น 28.4% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม 34.4% เครื่องใช้ไฟฟ้า 22.6% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 90.3% วัสดุก่อสร้าง ส่วนสินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง
การส่งออกเป็นรายตลาด ตลาดหลักเพิ่มขึ้น 3.5% โดยญี่ปุ่นเพิ่ม 3.1% สหรัฐฯ 4.6% สหภาพยุโรปสมาชิกเดิม 15 ประเทศ 2.9% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 13.5% ได้แก่ อาเซียน เพิ่ม 13.1% จีน 10.1% ฮ่องกง 40.9% เกาหลีใต้ 14% ไต้หวัน 19% ยกเว้นอินเดียลดลง 12.1% ตลาดศักยภาพระดับรอง เพิ่มขึ้น 27.8% ได้แก่ ทวีปออสเตรเลียเพิ่ม 71.7% ตะวันออกกลาง 16.5% ทวีปแอฟริกา 18% ละตินอเมริกา 22.3% สหภาพยุโรปสมาชิกใหม่ 10.5% รัสเซียและซีไอเอส 0.7% แคนาดา 0.7%
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะมีผลกระทบต่อการส่งออกแน่ และยอมรับว่าหนักใจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่จะกระทบหนักที่สุด เพราะไม่สามารถบริหารจัดการค่าเงินได้ดีเท่ากับบริษัทขนาดใหญ่ อีกทั้งการแข่งขันด้านราคา SMEs จะลดลง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลค่าบาทไม่ให้ผันผวน ไม่แข็งค่าเกิน 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ กรมฯ ได้เตรียมจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับดูแลค่าเงินบาทให้ผู้ส่งออก รวมถึงตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการส่งออกไทย เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกประจำเดือน ธ.ค. 2555 มีมูลค่า 18,101 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.45% การนำเข้ามีมูลค่า 20,466 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.67% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 2,365 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดรวมปี 2555 การส่งออกมีมูลค่ารวม 229,518 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.12% การนำเข้ามีมูลค่ารวม 247,590 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.67% ทำให้ไทยปี 2555 ไทยขาดดุลการค้า 18,071 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ยอดส่งออกในปี 2555 ที่ขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% มาจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ทำให้การส่งออกได้รับกระทบ แต่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว ประเทศอื่นก็ได้รับผลกระทบด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 แม้การส่งออกจะเผชิญความเสี่ยงสูง จากปัญหาต้นทุนการผลิต วัตถุดิบ ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า แต่กรมฯ จะไม่ปรับลด และยังคงเป้าหมายส่งออกปี 2556 ไว้เท่าเดิม คือ เติบโต 8.9% หรือ 250,175 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.28 ล้านล้านบาท โดยตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง คือ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย และที่เติบโตแต่ไม่มาก เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง
สำหรับการส่งออกเดือน ธ.ค. 2555 หมวดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรลดลง 9.2% สินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าวลด 12.4% ยางพารา 20.1% มันสำปะหลัง 15.2% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป 22.6% น้ำตาล 37.7% สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป แต่หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้น 28.4% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม 34.4% เครื่องใช้ไฟฟ้า 22.6% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 90.3% วัสดุก่อสร้าง ส่วนสินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง
การส่งออกเป็นรายตลาด ตลาดหลักเพิ่มขึ้น 3.5% โดยญี่ปุ่นเพิ่ม 3.1% สหรัฐฯ 4.6% สหภาพยุโรปสมาชิกเดิม 15 ประเทศ 2.9% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 13.5% ได้แก่ อาเซียน เพิ่ม 13.1% จีน 10.1% ฮ่องกง 40.9% เกาหลีใต้ 14% ไต้หวัน 19% ยกเว้นอินเดียลดลง 12.1% ตลาดศักยภาพระดับรอง เพิ่มขึ้น 27.8% ได้แก่ ทวีปออสเตรเลียเพิ่ม 71.7% ตะวันออกกลาง 16.5% ทวีปแอฟริกา 18% ละตินอเมริกา 22.3% สหภาพยุโรปสมาชิกใหม่ 10.5% รัสเซียและซีไอเอส 0.7% แคนาดา 0.7%
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะมีผลกระทบต่อการส่งออกแน่ และยอมรับว่าหนักใจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่จะกระทบหนักที่สุด เพราะไม่สามารถบริหารจัดการค่าเงินได้ดีเท่ากับบริษัทขนาดใหญ่ อีกทั้งการแข่งขันด้านราคา SMEs จะลดลง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลค่าบาทไม่ให้ผันผวน ไม่แข็งค่าเกิน 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ กรมฯ ได้เตรียมจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับดูแลค่าเงินบาทให้ผู้ส่งออก รวมถึงตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการส่งออกไทย เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว
