xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกมิ.ย.ติดลบ2.5% ขาดดุลพุ่ง3.6แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส่งออกมิ.ย.กลับมาติดลบอีก 2.5% หลังเดือนก่อนเพิ่งฟื้นเป็นบวก เหตุวิกฤตยุโรปฉุด หลายประเทศลดการนำเข้า ส่วนยอดส่งออกครึ่งปียังติดลบ 1.66% แถมขาดดุลการค้าสูงปรี๊ด 3.6 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังเชื่อทั้งปีดันส่งออกโตได้ตามเป้า 15%

นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมิ.ย.2555 มีมูลค่าการส่งออก 20,128.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.50% เมื่อคิดเป็นเงินบาท มีมูลค่า 616,506.3 ล้านบาท ลดลง 0.69% เป็นการลดลงอีกครั้งหลังจากเดือนพ.ค.2555 ขยายตัวเป็นบวกที่ 7.68% ส่วนการนำเข้ามิ.ย.2555 มีมูลค่า 20,678.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.41% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 641,205.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.36% ส่งผลให้ขาดดุลการค้ามูลค่า 550.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 24,699.3 ล้านบาทส่วนในช่วง 6 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่าการส่งออกรวม 112,622.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.66% หรือคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.465 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น

0.52% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 122,966.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.28% หรือคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.828 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.66% ทำให้ขาดดุลการค้าสูงถึง 10,344.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 362,602.2 ล้านบาท นับเป็นมูลค่าการขาดดุลการค้าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

ปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกในเดือนมิ.ย.2555 ลดลง เนื่องจากการลุกลามของปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป ส่งผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายสินค้าในหลายประเทศ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย เช่น ญี่ปุ่น เอเชียใต้ เกาหลีใต้ ไต้หวัน รัสเซียและซีไอเอส รวมถึงจีน ทำให้มีการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการลดลง ทั้งยางพาราและผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง เป็นต้น

“เศรษฐกิจยุโรปที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งออกของไทย โดยคาดว่าในเดือนถัดไป หากเศรษฐกิจยุโรปไม่แย่ลงไปกว่าเดิม มูลค่าการส่งออกของไทยจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และเชื่อว่า ทั้งปีน่าจะโตได้ 15%ตามเป้าหมาย ถ้ายังรักษาระดับการส่งออกในแต่ละเดือนได้ไม่ต่ำว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการขาดดุลการค้าที่สูงมาก เพราะมีการนำเข้านำเข้าสินค้าทุนเพื่อการผลิต และน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าห่วง ซึ่งในเดือนมิ.ย. จะเห็นว่าขาดดุลการค้าลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลเป็นหลักพันล้านเหรียญสหรัฐ"นายภูมิกล่าว

สำหรับการส่งออกในเดือนมิ.ย. ที่ลดลง เป็นการลดลงในหมวดสินค้าเกษตรถึง 19.8% โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่ลดลง เช่น ข้าว 49.2% แต่ช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกจะขยายตัวมากขึ้น เพราะรัฐจะเร่งทยอยระบายข้าวสารในสต๊อก ยางพารา ลดลง 31.4% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป 12.3% ผักและผลไม้ 20% น้ำตาล 23.9% แต่สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.9% เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 2.2% เครื่องใช้ไฟฟ้า 1.1% ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 21.3% วัสดุก่อสร้าง 6.1% อัญมณีและเครื่องประดับ 27.2% เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น สิ่งทอ 16.2% ผลิตภัณฑ์ยาง 6.4% สิ่งพิมพ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์ 73.2% เป็นต้น

ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ตลาดหลัก ลดลง 3.7% จากการลดลงของญี่ปุ่น 0.5% สหภาพยุโรปเดิม 15 ประเทศ 16.1% แต่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5% ส่วนตลาดศักยภาพสูง ลดลง 4% จากการลดลงของเอเชียใต้ 20.9% อินเดีย 10.9% ฮ่องกง 25.7% เกาหลีใต้ 18.5% ไต้หวัน 4.7% ยกเว้นอาเซียน ที่เพิ่มขึ้น 3.3% จีน เพิ่ม 5% และตลาดศักยภาพระดับรอง เพิ่มขึ้น 2% จากการเพิ่มขึ้นของออสเตรเลีย 24.4% ลาตินอเมริกา 25.3% ยกเว้นตะวันออกกลาง ที่ลดลง 1.8% แอฟริกาลดลง 15.7% รัสเซียและซีไอเอส ลดลง 35.7% แคนาดาลดลง 14.4% เป็นต้น

ทางด้านการนำเข้าในเดือนมิ.ย.2555 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าสินค้าหมวดเชื้อเพลิง 34.5% หมวดสินค้าทุน 11.9% เพราะการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น หมวดสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้น 43.3% เพราะผู้ประกอบการเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถที่ค้างส่งจากน้ำท่วมที่ผ่านมา ประกอบกับความต้องการในประเทศสูงขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น