“บุญทรง” ประสานคลังเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมอัดมาตรการด้านภาษี และแก้อุปสรรคส่งออกช่วยอีกทาง สั่งทูตพาณิชย์ติดตามข้อมูลการค้าใกล้ชิด หวังนำมาใช้ปรับแผนทำงาน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 65 ประเทศ เพื่อหามาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อการส่งออกว่า ได้เตรียมที่จะประสานไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ หาแนวทางเข้ามาช่วยเหลือสินเชื่ออยู่
ขณะเดียวกันจะเพิ่มมาตรการช่วยเหลืออีกหลากหลาย ทั้งการใช้มาตรการด้านภาษีสำหรับผู้ส่งออกที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รวมทั้งการแก้ไขกฎระเบียบให้กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเพื่ออำนวยความสะดวก โดยมาตรการทั้งหมดจะมีการหารือและสรุปหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งมั่นใจหลังจากมีการใช้มาตรการกระตุ้นส่งออกแล้ว การส่งออกจะเติบโตไม่น้อยกว่า 2 หลักในทุกเดือน และจะขยายตัวแบบก้าวกระโดดในไตรมาสสุดท้าย ทำให้เป้าทั้งปี 15% เป็นไปได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย ประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และสินค้าเกษตรบางรายการ โดยกลุ่มเหล่านี้มีการส่งออกลดลงมาก ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหาแนวทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเฉพาะอุตสาหกรรมต่อไป
ส่วนการมอบหมายงานให้ทูตพาณิชย์ขอให้ติดตามสถานการณ์ส่งออกและนำเข้าของแต่ละประเทศที่ประจำอยู่ว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป (อียู) อย่างไร เพื่อนำมาประเมินผลกระทบตลาดทางตรงและตลาดทางอ้อมของการส่งออกไทย รวมทั้งให้มีการทำงานเป็นทีม เพราะหากตลาดไหนมีการนำเข้าสินค้าลดลงก็ให้ปรับแผนดันสินค้าไทยไปส่งตลาดอื่นชดเชยแทนให้ได้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่มเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยุโรปลำดับต้น เพราะหลายประเทศกำลังเกิดปัญหาในตอนนี้ทั้งสเปน อิตาลี และฝรั่งเศส เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของไทย หรือมีสัดส่วน 45% ของตลาดยุโรปทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสถานการณ์ตลอดปีนี้ประเมินว่ายอดส่งออกเครื่องนุ่งห่มไทยทั้งปีมีโอกาสติดลบถึง 7-8% หลังจาก 5 เดือนติดลบแล้ว 9.2%
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปครั้งนี้น่าจะรุนแรงกว่าวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อปี 2551 โดยการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาส่งออกวันที่ 30 มิ.ย. ภาคเอกชนจะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาส่งออก ได้แก่ การเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่กำลังประสบปัญหามาก
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 65 ประเทศ เพื่อหามาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อการส่งออกว่า ได้เตรียมที่จะประสานไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ หาแนวทางเข้ามาช่วยเหลือสินเชื่ออยู่
ขณะเดียวกันจะเพิ่มมาตรการช่วยเหลืออีกหลากหลาย ทั้งการใช้มาตรการด้านภาษีสำหรับผู้ส่งออกที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รวมทั้งการแก้ไขกฎระเบียบให้กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเพื่ออำนวยความสะดวก โดยมาตรการทั้งหมดจะมีการหารือและสรุปหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งมั่นใจหลังจากมีการใช้มาตรการกระตุ้นส่งออกแล้ว การส่งออกจะเติบโตไม่น้อยกว่า 2 หลักในทุกเดือน และจะขยายตัวแบบก้าวกระโดดในไตรมาสสุดท้าย ทำให้เป้าทั้งปี 15% เป็นไปได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย ประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และสินค้าเกษตรบางรายการ โดยกลุ่มเหล่านี้มีการส่งออกลดลงมาก ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหาแนวทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเฉพาะอุตสาหกรรมต่อไป
ส่วนการมอบหมายงานให้ทูตพาณิชย์ขอให้ติดตามสถานการณ์ส่งออกและนำเข้าของแต่ละประเทศที่ประจำอยู่ว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป (อียู) อย่างไร เพื่อนำมาประเมินผลกระทบตลาดทางตรงและตลาดทางอ้อมของการส่งออกไทย รวมทั้งให้มีการทำงานเป็นทีม เพราะหากตลาดไหนมีการนำเข้าสินค้าลดลงก็ให้ปรับแผนดันสินค้าไทยไปส่งตลาดอื่นชดเชยแทนให้ได้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่มเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยุโรปลำดับต้น เพราะหลายประเทศกำลังเกิดปัญหาในตอนนี้ทั้งสเปน อิตาลี และฝรั่งเศส เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของไทย หรือมีสัดส่วน 45% ของตลาดยุโรปทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสถานการณ์ตลอดปีนี้ประเมินว่ายอดส่งออกเครื่องนุ่งห่มไทยทั้งปีมีโอกาสติดลบถึง 7-8% หลังจาก 5 เดือนติดลบแล้ว 9.2%
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปครั้งนี้น่าจะรุนแรงกว่าวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อปี 2551 โดยการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาส่งออกวันที่ 30 มิ.ย. ภาคเอกชนจะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาส่งออก ได้แก่ การเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่กำลังประสบปัญหามาก
