ข้อมูลจากบริษัทลิปเปอร์ในเครือธอมสัน รอยเตอร์บ่งชี้ว่า นักลงทุนในกองทุนสหรัฐทุ่มเงิน 3.75 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนรวมหุ้นในสัปดาห์ล่าสุดโดยเป็นเงินทุนไหลเข้าจำนวนมากต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า และบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่นักลงทุนรายย่อยนำเงินกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น
เม็ดเงินลงทุนใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ม.ค.นั้นคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของปริมาณเงินไหลเข้าในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.53 พันล้านดอลลาร์ และเป็นปริมาณเงินใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001
นายแมทธิว ลีมิกซ์ นักวิเคราะห์ของลิปเปอร์ กล่าวว่า เมื่อนำตัวเลขทั้งสองมารวมกันจะเท่ากับ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในระยะสองสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2000
กองทุนพันธบัตรดึงดูดเม็ดเงินใหม่สุทธิ 4.63 พันล้านดอลลร์ โดยกองทุนรวมพันธบัตรดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้ 4.21 พันล้านดอลลาร์ของจำนวนเงินดังกล่าวซึ่งน้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 5.45 พันล้านดอลลาร์
กองทุน ETF พันธบัตรมีเงินทุนไหลเข้า 417.82 ล้านดอลลาร์หลังนักลงทุนถอนเงินจากกองทุนดังกล่าว 1.21 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อนหน้า
เงินทุนไหลเข้าล็อตใหญ่เข้าสู่กองทุนรวมหุ้นนั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากปีที่แล้วเมื่อนักลงทุนถอนเงินทั้งสิ้น 1.29 แสนล้านดอลลาร์จากกองทุนหุ้น และลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมพันธบัตรจำนวน 2.58 แสนล้านดอลลาร์
"เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีสำหรับนักลงทุนในการกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น" นายลีมิกซ์กล่าวถึงเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า "ทิศทางโดยรวมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอาจบ่งชี้ว่าการกลับเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นอาจจะดำเนินต่อไป"
ความต้องการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไม่ได้รวมถึงกองทุน ETF หุ้นซึ่งได้รับผลกระทบจากเงินทุนไหลออก 3.5 พันล้านดอลลาร์
เงินทุนไหลออกดังกล่าวนับเป็นการขาดทุนครั้งแรกสำหรับกองทุน ETFหุ้นในรอบ 8 สัปดาห์ และเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเงินไหลเข้าอย่างมากจำนวน 1.078 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับกองทุน SPDR S&P 500 ETF ซึ่งพวกเขาได้ถอนเงินลงทุน 4.21 พันล้านดอลลาร์
กองทุน ETF มักแสดงถึงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ขณะที่กองทุนรวมแสดงถึงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย
นายลีมิกซ์กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันอาจทำกำไรจากกองทุน ETF หุ้นและเลือกที่จะลงทุนในเชิงรุกมากขึ้น
เมื่อนำเงินไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นและเงินไหลออกจากกองทุน ETF หุ้นมารวมกันจะได้ตัวเลขรวมเพียง 286 ล้านดอลลาร์ในกองทุนหุ้นโดยรวม ซึ่งลดลงอย่างมากจากเงินไหลเข้ารวมของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.832 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินสดสุทธิจำนวนมากที่สุดที่ไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นนับตั้งแต่ปี 2008
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.8% เมื่อวานนี้ ในช่วงการรายงานข้อมูลดังกล่าว
นายเจมส์ บูลลาร์ด, นายชาร์ลส พลอสเซอร์และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ซึ่งต่างก็เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำสาขาต่างๆ ได้แสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2013 ขณะที่ข้อมูลยอดค้าปลีกที่สดใสของสหรัฐในเดือนธ.ค. และผลประกอบการที่แข็งแกร่งสำหรับธนาคารเจพีมอร์แกน เชสและโกลด์แมน แซคส์ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังหลังพรรครีพับลิกันคัดค้านในสภาคองเกรสที่จะเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐจาก 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐอาจทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
เงินทุน 3.75 พันล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นนั้น คิดเป็นเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุนหุ้นสหรัฐ 1.41 พันล้านดอลลาร์ และกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้า 2.34 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนในกองทุนพันธบัตรได้เข้าลงทุน 2.02 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนหุ้นกู้ที่มีอันดับขั้นน่าลงทุน ซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่เข้าลงทุนทั้งในกองทุนรวมและกองทุน ETF ที่ถือครองพันธบัตรที่มีอันดับน่าลงทุน
นายลีมิกซ์กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นกู้ที่มีอันดับน่าลงทุนนั้น บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงเลือกแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
กองทุนพันธบัตร"ขยะ" ที่ให้ผลตอบแทนสูง มีเงินลงทุนเพียง571 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่ลดลงสำหรับพันธบัตรที่มีความเสี่ยง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเม็ดเงินใหม่เข้าลงทุนจำนวน1.11 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนดังกล่าว
นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุนที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งหุ้นและพันธบัตรทั่วโลก โดยลงทุน 1.47 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนประเภทนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ รายงานกระแสเงินทุนรายสัปดาห์ของลิปเปอร์มีการรวบรวมจากรายงานที่ออกโดยกองทุนรวมและกองทุน ETF ในสหรัฐ
(ข้อมูลจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak.
เม็ดเงินลงทุนใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ม.ค.นั้นคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของปริมาณเงินไหลเข้าในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.53 พันล้านดอลลาร์ และเป็นปริมาณเงินใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001
นายแมทธิว ลีมิกซ์ นักวิเคราะห์ของลิปเปอร์ กล่าวว่า เมื่อนำตัวเลขทั้งสองมารวมกันจะเท่ากับ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในระยะสองสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2000
กองทุนพันธบัตรดึงดูดเม็ดเงินใหม่สุทธิ 4.63 พันล้านดอลลร์ โดยกองทุนรวมพันธบัตรดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้ 4.21 พันล้านดอลลาร์ของจำนวนเงินดังกล่าวซึ่งน้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 5.45 พันล้านดอลลาร์
กองทุน ETF พันธบัตรมีเงินทุนไหลเข้า 417.82 ล้านดอลลาร์หลังนักลงทุนถอนเงินจากกองทุนดังกล่าว 1.21 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อนหน้า
เงินทุนไหลเข้าล็อตใหญ่เข้าสู่กองทุนรวมหุ้นนั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากปีที่แล้วเมื่อนักลงทุนถอนเงินทั้งสิ้น 1.29 แสนล้านดอลลาร์จากกองทุนหุ้น และลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมพันธบัตรจำนวน 2.58 แสนล้านดอลลาร์
"เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีสำหรับนักลงทุนในการกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น" นายลีมิกซ์กล่าวถึงเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า "ทิศทางโดยรวมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอาจบ่งชี้ว่าการกลับเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นอาจจะดำเนินต่อไป"
ความต้องการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไม่ได้รวมถึงกองทุน ETF หุ้นซึ่งได้รับผลกระทบจากเงินทุนไหลออก 3.5 พันล้านดอลลาร์
เงินทุนไหลออกดังกล่าวนับเป็นการขาดทุนครั้งแรกสำหรับกองทุน ETFหุ้นในรอบ 8 สัปดาห์ และเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเงินไหลเข้าอย่างมากจำนวน 1.078 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับกองทุน SPDR S&P 500 ETF ซึ่งพวกเขาได้ถอนเงินลงทุน 4.21 พันล้านดอลลาร์
กองทุน ETF มักแสดงถึงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ขณะที่กองทุนรวมแสดงถึงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย
นายลีมิกซ์กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันอาจทำกำไรจากกองทุน ETF หุ้นและเลือกที่จะลงทุนในเชิงรุกมากขึ้น
เมื่อนำเงินไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นและเงินไหลออกจากกองทุน ETF หุ้นมารวมกันจะได้ตัวเลขรวมเพียง 286 ล้านดอลลาร์ในกองทุนหุ้นโดยรวม ซึ่งลดลงอย่างมากจากเงินไหลเข้ารวมของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.832 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินสดสุทธิจำนวนมากที่สุดที่ไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นนับตั้งแต่ปี 2008
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.8% เมื่อวานนี้ ในช่วงการรายงานข้อมูลดังกล่าว
นายเจมส์ บูลลาร์ด, นายชาร์ลส พลอสเซอร์และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ซึ่งต่างก็เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำสาขาต่างๆ ได้แสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2013 ขณะที่ข้อมูลยอดค้าปลีกที่สดใสของสหรัฐในเดือนธ.ค. และผลประกอบการที่แข็งแกร่งสำหรับธนาคารเจพีมอร์แกน เชสและโกลด์แมน แซคส์ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังหลังพรรครีพับลิกันคัดค้านในสภาคองเกรสที่จะเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐจาก 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐอาจทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
เงินทุน 3.75 พันล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าสู่กองทุนรวมหุ้นนั้น คิดเป็นเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุนหุ้นสหรัฐ 1.41 พันล้านดอลลาร์ และกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้า 2.34 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนในกองทุนพันธบัตรได้เข้าลงทุน 2.02 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนหุ้นกู้ที่มีอันดับขั้นน่าลงทุน ซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่เข้าลงทุนทั้งในกองทุนรวมและกองทุน ETF ที่ถือครองพันธบัตรที่มีอันดับน่าลงทุน
นายลีมิกซ์กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นกู้ที่มีอันดับน่าลงทุนนั้น บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงเลือกแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
กองทุนพันธบัตร"ขยะ" ที่ให้ผลตอบแทนสูง มีเงินลงทุนเพียง571 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่ลดลงสำหรับพันธบัตรที่มีความเสี่ยง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเม็ดเงินใหม่เข้าลงทุนจำนวน1.11 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนดังกล่าว
นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุนที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งหุ้นและพันธบัตรทั่วโลก โดยลงทุน 1.47 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนประเภทนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ รายงานกระแสเงินทุนรายสัปดาห์ของลิปเปอร์มีการรวบรวมจากรายงานที่ออกโดยกองทุนรวมและกองทุน ETF ในสหรัฐ
(ข้อมูลจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak.
