บวท.สร้างเส้นทางบินใหม่ ลดคับคั่งปริมาณจราจรเชียงใหม่, ภูเก็ต
วิทยุการบินฯ สร้าง 2 เส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพื่อลดความคับคั่งของปริมาณจราจรทางอากาศ เพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
นาวาอากาศตรี ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า จากความต้องการเดินทางไปยังเชียงใหม่และภูเก็ตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เส้นทางบินหลักจากกรุงเทพฯ ไปยังทั้ง 2 จังหวัดกลับมีเพียงเส้นทาง A464 (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ) และ G458 (กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ) เท่านั้น ทำให้ทั้ง 2 เส้นทางบินประสบปัญหาการจราจรคับคั่ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศต้องทำงานหนักขึ้น วิทยุการบินฯ จึงได้ริเริ่มให้จัดสร้างเส้นทางบินแบบ Conditional Route ระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ และภูเก็ต-กรุงเทพฯ ขึ้น โดยได้นำเทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่ (Performance Based Navigation-PBN) เข้ามาช่วยบริหารจัดการห้วงอากาศที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพโดยสร้างเป็นเส้นทางบินแบบ RNAV 5 เอื้อให้สามารถสร้างเส้นทางบินได้ตรงโดยมิต้องบินผ่านเหนือเครื่องช่วยการเดินอากาศภาคพื้นใดๆ อีกทั้งช่วยลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เส้นทางบินแบบ Conditional Route เป็นเส้นทางบินที่วิทยุการบินฯ กำหนดขึ้น โดยมีลักษณะไม่เป็นการถาวร หรือมีการกำหนดเงื่อนไขในการใช้งานไว้ เช่น การกำหนดช่วงเวลาการใช้งานไว้เพื่อให้สามารถบริหารจราจรทางอากาศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้สร้างเส้นทางบินแบบคู่ขนาน (Parallel Routes) ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ หรือเส้นทางบิน “Y6” และ “Y7”
โดยเส้นทางบินใหม่นี้เปิดใช้ในวันเสาร์ เวลา 00.01 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 14.00 น. และจะเริ่มเปิดใช้ต้นปี 2556 นี้ สำหรับเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ หรือเส้นทางบิน “Y5” วิทยุการบินฯ ได้กำหนดให้เป็นเส้นทางบินแบบ One Way Route และได้เปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการสร้าง 2 เส้นทางบินใหม่นี้สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือกันระหว่างทหารกับพลเรือน โดยนำหลักการบริหารห้วงอากาศร่วมกันมาใช้ ซึ่งจะสามารถลดความคับคั่งของปริมาณจราจรทางอากาศลงได้
วิทยุการบินฯ สร้าง 2 เส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพื่อลดความคับคั่งของปริมาณจราจรทางอากาศ เพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
นาวาอากาศตรี ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า จากความต้องการเดินทางไปยังเชียงใหม่และภูเก็ตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เส้นทางบินหลักจากกรุงเทพฯ ไปยังทั้ง 2 จังหวัดกลับมีเพียงเส้นทาง A464 (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ) และ G458 (กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ) เท่านั้น ทำให้ทั้ง 2 เส้นทางบินประสบปัญหาการจราจรคับคั่ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศต้องทำงานหนักขึ้น วิทยุการบินฯ จึงได้ริเริ่มให้จัดสร้างเส้นทางบินแบบ Conditional Route ระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ และภูเก็ต-กรุงเทพฯ ขึ้น โดยได้นำเทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่ (Performance Based Navigation-PBN) เข้ามาช่วยบริหารจัดการห้วงอากาศที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพโดยสร้างเป็นเส้นทางบินแบบ RNAV 5 เอื้อให้สามารถสร้างเส้นทางบินได้ตรงโดยมิต้องบินผ่านเหนือเครื่องช่วยการเดินอากาศภาคพื้นใดๆ อีกทั้งช่วยลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เส้นทางบินแบบ Conditional Route เป็นเส้นทางบินที่วิทยุการบินฯ กำหนดขึ้น โดยมีลักษณะไม่เป็นการถาวร หรือมีการกำหนดเงื่อนไขในการใช้งานไว้ เช่น การกำหนดช่วงเวลาการใช้งานไว้เพื่อให้สามารถบริหารจราจรทางอากาศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้สร้างเส้นทางบินแบบคู่ขนาน (Parallel Routes) ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ หรือเส้นทางบิน “Y6” และ “Y7”
โดยเส้นทางบินใหม่นี้เปิดใช้ในวันเสาร์ เวลา 00.01 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 14.00 น. และจะเริ่มเปิดใช้ต้นปี 2556 นี้ สำหรับเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ หรือเส้นทางบิน “Y5” วิทยุการบินฯ ได้กำหนดให้เป็นเส้นทางบินแบบ One Way Route และได้เปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการสร้าง 2 เส้นทางบินใหม่นี้สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือกันระหว่างทหารกับพลเรือน โดยนำหลักการบริหารห้วงอากาศร่วมกันมาใช้ ซึ่งจะสามารถลดความคับคั่งของปริมาณจราจรทางอากาศลงได้