แอตต้าจี้รัฐบาลวางแผนรับมือเที่ยวบินช่วงไฮซีซันปีนี้ หวั่น ปัญหาการจราจรทางอากาศที่หนาแน่นในปัจจุบันจะยิ่งหนักขึ้น สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย และสูญเสียความเป็นศูนย์กลางทางการบิน
นายศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ช่วงเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซัน ซึ่งการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หรือ AOT คาดว่าจะมีจำนวนสายการบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิมากถึง 900 เที่ยวบินต่อวัน หากเป็นเช่นนี้จริงเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบจากความแออันของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือเรื่องความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศ อันจะส่งผลให้การลงจอดของสายการบินอาจต้องรอคิว เกิดความล่าช้ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งก็มีความล่าช้ามากอยู่แล้วทั้งที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นผลความแออัดของการจราจรทางอากาศ ส่งผลให้เครื่องบินต้องลอยอยู่บนฟ้าเป็นเวลานานเพื่อรอคิวที่จะลงจอด
จากปัญหาดังกล่าวต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานการทำงานร่วมกันแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ เพื่อเตรียมรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในไฮซีซันปีนี้ เพราะปัจจุบันมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็ยระบบ มีเพียงต่างคนต่างทำ จึงทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558 ตามเป้าหมาย แต่หากยังไม่มีการจัดการปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างการจรจาจรทางอากาศเช่นนี้ เชื่อว่าการเดินทางเข้าสู่เป้าหมายที่วางไว้คงเป็นไปอย่างยากลำบาก ในส่วนของแอตต้ายังคงเห็นว่ารัฐควรเร่งปรับปรุงสนามบินดอนเมืองให้สมบูรณ์ พร้อมให้สายการบินบางส่วนตามนโยบายกระทรวงคมนาคมกำหนดกลับไปเปิดบริการที่ดอนเมืองโดยเร็วที่สุดเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น
นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่มีแผนรองรับจำนวนเที่ยวบินที่จะเริ่มทยอยเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยช่วงเดือนกันยายนนี้ที่ว่าจะมีจำนวนมากถึง 900 เที่ยวต่อวัน เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะเกิดความโกลาหล เกิดความลำบากทั้งต่อเจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยวแน่นอน เป็นผลให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีกมาก และมีความเป็นไปได้ที่สายการบินต่างชาติอาจแก้ปัญหาด้วยการบินไปลงสนามบินในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์แทน ลดหรือย้ายเที่ยวบินที่จะมาลงสุวรรณภูมิ ถึงเวลานั้นไทยก็จะเสียโอกาสความเป็นศูนย์กลางทางการบิน
“ความแออัดทางการจราจรทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้มีผลให้หลายสายการบินมีต้นทุนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เพราะต้องบินวนอยู่ในอากาศนานขึ้นกว่าจะได้ลงจอด ปัญหานี้หากแก้ไขรัฐต้องมีความรอบคอบ มองไปถึงอนาคต ส่วนปัญหาจำนวนผู้โดยสารที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.แน่นและแถวยาวมากขณะนี้เริ่มปรับดีขึ้นบ้างแล้ว ส่วนจะแก้ปัญหาได้ถาวรหรือไม่ต้องรอดูช่วงเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมาก หากผ่านช่วงนี้ไปได้ดีก็เท่ากับการแก้ไขมาถูกทาง”
นายศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ช่วงเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซัน ซึ่งการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หรือ AOT คาดว่าจะมีจำนวนสายการบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิมากถึง 900 เที่ยวบินต่อวัน หากเป็นเช่นนี้จริงเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบจากความแออันของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือเรื่องความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศ อันจะส่งผลให้การลงจอดของสายการบินอาจต้องรอคิว เกิดความล่าช้ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งก็มีความล่าช้ามากอยู่แล้วทั้งที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นผลความแออัดของการจราจรทางอากาศ ส่งผลให้เครื่องบินต้องลอยอยู่บนฟ้าเป็นเวลานานเพื่อรอคิวที่จะลงจอด
จากปัญหาดังกล่าวต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานการทำงานร่วมกันแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ เพื่อเตรียมรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในไฮซีซันปีนี้ เพราะปัจจุบันมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็ยระบบ มีเพียงต่างคนต่างทำ จึงทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558 ตามเป้าหมาย แต่หากยังไม่มีการจัดการปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างการจรจาจรทางอากาศเช่นนี้ เชื่อว่าการเดินทางเข้าสู่เป้าหมายที่วางไว้คงเป็นไปอย่างยากลำบาก ในส่วนของแอตต้ายังคงเห็นว่ารัฐควรเร่งปรับปรุงสนามบินดอนเมืองให้สมบูรณ์ พร้อมให้สายการบินบางส่วนตามนโยบายกระทรวงคมนาคมกำหนดกลับไปเปิดบริการที่ดอนเมืองโดยเร็วที่สุดเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น
นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่มีแผนรองรับจำนวนเที่ยวบินที่จะเริ่มทยอยเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยช่วงเดือนกันยายนนี้ที่ว่าจะมีจำนวนมากถึง 900 เที่ยวต่อวัน เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะเกิดความโกลาหล เกิดความลำบากทั้งต่อเจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยวแน่นอน เป็นผลให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีกมาก และมีความเป็นไปได้ที่สายการบินต่างชาติอาจแก้ปัญหาด้วยการบินไปลงสนามบินในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์แทน ลดหรือย้ายเที่ยวบินที่จะมาลงสุวรรณภูมิ ถึงเวลานั้นไทยก็จะเสียโอกาสความเป็นศูนย์กลางทางการบิน
“ความแออัดทางการจราจรทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้มีผลให้หลายสายการบินมีต้นทุนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เพราะต้องบินวนอยู่ในอากาศนานขึ้นกว่าจะได้ลงจอด ปัญหานี้หากแก้ไขรัฐต้องมีความรอบคอบ มองไปถึงอนาคต ส่วนปัญหาจำนวนผู้โดยสารที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.แน่นและแถวยาวมากขณะนี้เริ่มปรับดีขึ้นบ้างแล้ว ส่วนจะแก้ปัญหาได้ถาวรหรือไม่ต้องรอดูช่วงเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมาก หากผ่านช่วงนี้ไปได้ดีก็เท่ากับการแก้ไขมาถูกทาง”
