ท่าอากาศยานไทย แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 55 กำไร 6,499,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
งวดเดียวกันของปีก่อนถึง 4,2814.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 193.46% ผลดีปริมาณการจราจรทางอากาศรวมเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 222.74 ล้านบาท ขณะปีก่อนขาดทุน 1,538.12 ล้านบาท แถมค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลง
นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานแผนงานและการเงิน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 55 (1 ตุลาคม 2554-30 กันยายน 2555) ของบริษัท และบริษัทย่อยว่ามีกำไรสุทธิ 6,499.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,214.82 ล้านบาท หรือเพิ่้มขึ้น 4,2814.92ล้านบาท คิดเป็น 193.46%
โดยงวดนี้ AOT มีรายได้จากการขาย หรือการให้บริการ 30,472.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,831.42 ล้านบาท หรือ 6.39% รายได้อื่น 2,003.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,620.59 ล้านบาท หรือ 424.37% ค่าใช้จ่าย 22,474.96 ล้านบาท ลดลง 2,115.34 ล้านบาท หรือ 8.60% กำไรก่อนภาษีเงินได้ 10,000.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,567.35 ล้านบาท หรือ 191.31% เมื่อหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 6.27 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,494.19 ล้านบาท แล้วมีกำไรสุทธิ 6,499.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,284.92 ล้านบาท หรือ 193.47%
สำหรับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากรายได้จากการขาย หรือการให้บริการ 30,472.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,831.42 ล้านบาท หรือ 6.39% เนื่องจากปริมาณการจราจรทางอากาศรวมในปี 2555 ของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนเที่ยวบิน ผู้โดยสาร และปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 8.81%, 7.87 และ 2.31% ตามลำดับ
ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 222.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,760.85 ล้านบาท เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้เกิดกำไรจากการปรับมูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด และเมื่อรวมกับขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงแล้ว มีผลทำให้ปีนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมทั้งสิ้น 222.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 1,538.12 ล้านบาท ขณะที่ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย 4,668.88 ล้านบาท ลดลง 3,196.76 ล้านบาท หรือ 40.64% เนื่องจากสินทรัพย์บางส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้บันทึกค่าเสื่อมราคาครบตามอายุการให้ประโยชน์แล้ว จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้ผลการดำเนินงานปี 2555 เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเกิน 20% เมื่อเทียบกับปี 2554
โดยงบการเงินไตรมาสนี้ AOT ได้อธิบายไว้ว่าปริมาณการจราจรทางอากาศรวมปี 2555 นี้่ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบของบริษัทโดยปริมาณการจราจรทางอากาศรวมได้เติบโตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2554 ถึงพฤศจิกายน 2554 (ไตรมาส 1/55) ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยขึ้นในประเทศไทย และท่าอากาศยานดอนเมืองได้รับผลกระทบโดยปริมาณน้ำได้เข้าท่วมอาคาร ทางวิ่ง และทางขับ ทอท.จึงได้ออกประกาศนักบินปิดการให้บริการเที่ยวบินขึ้นลงของอากาศยานทุกประเภทตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2554 เวลา 14.00 น. โดยได้เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555เวลา 06.00 น. เป็นต้นมา
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดบทบาทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลัก รองรับเที่ยวบินแบบเต็มรูปแบบ และเที่ยวบินที่มีการเชื่อมต่อเพื่อส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค และกำหนดบทบาทท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (LCCs) และ/หรือ เส้นทางการบินในประเทศ และระหว่างประเทศแบบจุดต่อจุด (Point to Point) บนหลักการของความสมัครใจของสายการบินเพื่อเป็นการใช้ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มการให้บริการเที่ยวบิน และตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มการให้บริการเที่ยวบิน และผู้โดยสาร
โดยปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองมีสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเที่ยวบินแบบประจำให้บริการจำนวน 2 สายการบิน กับอีก 1 กลุ่มสายการบินซึ่งได้ย้ายฐานการบินมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผลทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นข้อบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นว่า ผลขาดทุนจากการด้อยค่าอาจลดลง หรือหมดไป ซึ่งฝ่ายบริหารมีนโยบายทบทวนการด้อยค่าสินทรัพย์ของท่าอากาศยานดอนเมืองในรอบบัญชีถัดไป
งวดเดียวกันของปีก่อนถึง 4,2814.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 193.46% ผลดีปริมาณการจราจรทางอากาศรวมเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 222.74 ล้านบาท ขณะปีก่อนขาดทุน 1,538.12 ล้านบาท แถมค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลง
นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานแผนงานและการเงิน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 55 (1 ตุลาคม 2554-30 กันยายน 2555) ของบริษัท และบริษัทย่อยว่ามีกำไรสุทธิ 6,499.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,214.82 ล้านบาท หรือเพิ่้มขึ้น 4,2814.92ล้านบาท คิดเป็น 193.46%
โดยงวดนี้ AOT มีรายได้จากการขาย หรือการให้บริการ 30,472.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,831.42 ล้านบาท หรือ 6.39% รายได้อื่น 2,003.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,620.59 ล้านบาท หรือ 424.37% ค่าใช้จ่าย 22,474.96 ล้านบาท ลดลง 2,115.34 ล้านบาท หรือ 8.60% กำไรก่อนภาษีเงินได้ 10,000.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,567.35 ล้านบาท หรือ 191.31% เมื่อหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 6.27 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,494.19 ล้านบาท แล้วมีกำไรสุทธิ 6,499.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,284.92 ล้านบาท หรือ 193.47%
สำหรับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากรายได้จากการขาย หรือการให้บริการ 30,472.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,831.42 ล้านบาท หรือ 6.39% เนื่องจากปริมาณการจราจรทางอากาศรวมในปี 2555 ของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนเที่ยวบิน ผู้โดยสาร และปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 8.81%, 7.87 และ 2.31% ตามลำดับ
ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 222.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,760.85 ล้านบาท เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้เกิดกำไรจากการปรับมูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด และเมื่อรวมกับขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงแล้ว มีผลทำให้ปีนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมทั้งสิ้น 222.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 1,538.12 ล้านบาท ขณะที่ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย 4,668.88 ล้านบาท ลดลง 3,196.76 ล้านบาท หรือ 40.64% เนื่องจากสินทรัพย์บางส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้บันทึกค่าเสื่อมราคาครบตามอายุการให้ประโยชน์แล้ว จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้ผลการดำเนินงานปี 2555 เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเกิน 20% เมื่อเทียบกับปี 2554
โดยงบการเงินไตรมาสนี้ AOT ได้อธิบายไว้ว่าปริมาณการจราจรทางอากาศรวมปี 2555 นี้่ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบของบริษัทโดยปริมาณการจราจรทางอากาศรวมได้เติบโตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2554 ถึงพฤศจิกายน 2554 (ไตรมาส 1/55) ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยขึ้นในประเทศไทย และท่าอากาศยานดอนเมืองได้รับผลกระทบโดยปริมาณน้ำได้เข้าท่วมอาคาร ทางวิ่ง และทางขับ ทอท.จึงได้ออกประกาศนักบินปิดการให้บริการเที่ยวบินขึ้นลงของอากาศยานทุกประเภทตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2554 เวลา 14.00 น. โดยได้เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555เวลา 06.00 น. เป็นต้นมา
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดบทบาทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลัก รองรับเที่ยวบินแบบเต็มรูปแบบ และเที่ยวบินที่มีการเชื่อมต่อเพื่อส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค และกำหนดบทบาทท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (LCCs) และ/หรือ เส้นทางการบินในประเทศ และระหว่างประเทศแบบจุดต่อจุด (Point to Point) บนหลักการของความสมัครใจของสายการบินเพื่อเป็นการใช้ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มการให้บริการเที่ยวบิน และตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มการให้บริการเที่ยวบิน และผู้โดยสาร
โดยปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองมีสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเที่ยวบินแบบประจำให้บริการจำนวน 2 สายการบิน กับอีก 1 กลุ่มสายการบินซึ่งได้ย้ายฐานการบินมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผลทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นข้อบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นว่า ผลขาดทุนจากการด้อยค่าอาจลดลง หรือหมดไป ซึ่งฝ่ายบริหารมีนโยบายทบทวนการด้อยค่าสินทรัพย์ของท่าอากาศยานดอนเมืองในรอบบัญชีถัดไป