โพลซีอีโอมั่นใจเศรษฐกิจปีมะเส็งแนวโน้มดี คาดจีดีพีโต 4.6% พร้อมจัดอันดับธุรกิจที่คาดว่าจะเป็นดาวรุ่ง 3 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธุรกิจการเงิน
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมกับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ทำการสำรวจความเห็นของผู้บริหารธุรกิจเกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และแนวทางในการปรับตัวในปี 2556 โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 251 คน ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 20 ธันวาคม 2555 พบว่า นักธุรกิจเกือบครึ่งหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2556 มีแนวโน้มที่ดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยในปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่ำสุดอยู่ที่ 1,178 จุด และสูงสุดที่ 1,412 จุด ส่วนประมาณการของกำไรคาดว่าโตร้อยละ 4 โดยปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้มีกำไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 45.3 ระบุว่า เกิดจากการขยายตัวของตลาดและความต้องการที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.3 เกิดจากการลดต้นทุน และร้อยละ 12.6 เกิดจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ
นอกจากนี้ จากการสอบถามถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลประกอบการของธุรกิจ พบว่า ปัจจัยที่มีผลมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจของไทยได้ 3.6 คะแนน ความต้องการของตลาดที่ลดลงได้ 3.5 คะแนน การขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ และการเมืองในประเทศได้ 3.4 คะแนนเท่ากัน และต้นทุนวัตถุดิบได้ 3.3 ขณะที่ประเทศที่นักธุรกิจวางแผนจะไปลงทุนมากที่สุดในปีนี้ ได้แก่ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา และจีน
ด้านการจัดอันดับธุรกิจที่คาดว่าจะเป็นดาวรุ่ง 3 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธุรกิจการเงิน ซึ่งการเติบโตของธุรกิจยานยนต์นั้น ปัจจัยหลักเนื่องมาจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลและการที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้นำรถยนต์ขนาดเล็กออกมาทำตลาดมากขึ้น ส่วนการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้น เป็นผลมาจากการนำระบบ 3G เข้ามาใช้ในปีหน้า ประกอบกับการขยายตัวของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ซึ่งทางศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้ประมาณการไว้ว่าในปี 2556 อี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยจะขยายตัวอีกร้อยละ 30 ธุรกิจการเงินยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับประโยชน์จากนโยบายรถคันแรก และการทำตลาดในเชิงรุก ยกตัวอย่าง เช่น ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการไว้ว่า มีการเปิดบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลประมาณ 9.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 800,000 บัญชี