อินเด็กซ์ติดลมบนคอมมูนิตีมอลล์
ทุ่ม 4 พันล้านผุดเดอะวอล์ค 7 แห่ง 5 ปี
ASTVผู้จัดการรายวัน – อินเด็กซ์ฯ ชี้ธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์บูม ฟันธงปีหน้าปริมาณพื้นที่แซงไฮเปอร์มาร์เกต รั้งอันดับหนึ่ง ธุรกิจค้าปลีกดาวรุ่ง หลังผู้ประกอบการตบเท้าแห่ผุดเป็นดอกเห็ด 10-15 แห่งต่อปี ทุ่ม 4,000 ล้านบาทปั้นเดอะวอล์ค ยึดหัวหาด 7 สาขาอีก 5 ปี ชูกลยุทธ์แบ่งพื้นที่ขายเฟอร์นิเจอร์ร่วมด้วย ตั้งเป้า 7 ปีคืนทุน ด้านอินเด็กซ์ฯ หวัง 1-2 ปีกวาดรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เปิดเผยถึงภาพรวมคอมมูนิตีมอลล์ในปีหน้า (2556) ว่า จะมีการขยายตัวในแง่ของพื้นที่ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนที่ไฮเปอร์มาร์เกต ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ 665,000 ตารางเมตร ส่วนคอมมูนิตีมอลล์โดยรวมมีพื้นที่ 625,000 ตารางเมตร เป็นอันดับ 3 รองจากห้างสรรพสินค้า จากการคาดการณ์ว่าในกรุงเทพฯ จะมีผู้ประกอบการทั้งรายใหม่และรายเดิมที่ทำธุรกิจอยู่แล้วเปิดคอมมูนิตีมอลล์ใหม่ 10-15 แห่งต่อปี
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ขยายตัวเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคซื้อสินค้าใกล้บ้านมากกว่าจะเข้าไปซื้อสินค้าในเมืองที่เป็นห้างสรรพสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดหรือหาที่จอดรถยาก และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก ส่วนภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโต 4.8-6%
ดังนั้น บริษัทจึงดำเนินการตลาดเชิงรุกแตกธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์แบรนด์เดอะวอล์ค เพื่อเป็นการต่อยอดจากการทำธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์การมีร้านค้าจำหน่ายสินค้า และมีพื้นที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์ 1.5-2 หมื่นตารางเมตร โดยวางเป้าหมาย 5 ปีสัดส่วนรายได้ของธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ราว 5-8% จากการมีสาขาทั้งหมด 7 สาขา เทียบกับอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ ยังเป็นรายได้หลัก สัดส่วน 92-95% หรือสาขาทั้งหมด 19 สาขา ซึ่งในปีหน้าจะขยายเพิ่ม 1 สาขา เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายของบริษัทตั้งเป้ารายได้อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ทะลุ 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 1-2 ปีนี้
แผนการดำเนินธุรกิจเดอะวอล์ค วางเป้าหมาย 5 ปีเปิดเพิ่ม 5 สาขา ภายใต้งบลงทุน 4,000 ล้านบาท การวางกลยุทธ์เดอะวอล์ค ต้องการเป็นคอมมูนิตีมอลล์ที่แตกต่าง ซึ่งรูปแบบแต่ละสาขาจะมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชอปปิ้งที่ติดแอร์ โดยตั้งเป้าหมาย 7 ปีจะคืนทุน ก่อนหน้านี้ได้เปิดแล้ว 1 สาขา คือ ราชพฤกษ์ ได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ 8,000 คนต่อวัน และมียอดค่าใช้จ่ายต่อบิลกว่า 1,000 บาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีรายได้ 180 ล้านบาท และกำลังจะเปิดสาขาที่ 2 ย่านเกษตร-นวมินทร์ เดือนมีนาคม ปีหน้า บนพื้นที่ 20-25 ไร่ และคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในปีหน้าแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ขณะนี้เดอะวอล์คสาขาเกษตร-นวมินทร์ก่อสร้างแล้ว 85% มีทั้งหมด 6 อาคาร ขายพื้นที่ไปแล้วกว่า 70% แบ่งเป็น ร้านอาหาร 50% ร้านค้าปลีก 20% และที่เหลือ 30% เป็นอื่นๆ โดยบริษัทเตรียมทุ่มงบ 10 ล้านบาทดำเนินการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์สื่อต่างๆ ปัจจัยที่เลือกย่านเกษตร-นวมินทร์เพราะว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งการขยายตัวของการคมนาคม ประชากรอาศัยอยู่กว่า 1.5 ล้านคน จำนวน 657,000
ครัวเรือน และประการสำคัญคือ มีกำลังการซื้อที่ดี คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3 แสนคน และตั้งเป้ายอดขาย 200 ล้านบาทในปีแรก
สำหรับผลประกอบการโดยรวมปีนี้ตั้งเป้า 8,800 ล้านบาท เติบโต 10% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 8% ส่วนธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์เดอะวอล์ค 400 ล้านบาท โดยปัจจุบันอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์เป็นผู้นำตลาดทั้งทางด้านยอดขายและสาขา จากมูลค่าธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
