เปิดเออีซีส่งผลดีแฟชั่นของไทยผงาดสู่ตลาดต่างประเทศ มั่นใจไทยมีลุ้นเป็นฮับแฟชั่นในอาเซียน ด้านฟลายนาวพร้อมรับศึกปั้นแบรนด์น้องใหม่ “แมลงการ์เด้น” จับตลาดวัยรุ่น ปีหน้าผุดอีก 40 สาขา ด้วยงบ 150 ล้านบาท
นายสมชัย ส่งวัฒนา ประธานบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ บริษัท แอท แบงค็อก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น “ฟลายนาว” เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 มั่นใจว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการแฟชั่นของคนไทยที่จะมีโอกาสทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น และมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของตลาดเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นได้แน่นอนหลังเปิดเออีซีแล้ว รวมทั้งกลุ่มฟลายนาวเองก็จะได้รับผลดีด้วย
ปัจจุบันแฟชั่นแบรนด์ของคนไทยรายใหม่ที่มีศักยภาพในตลาดมีจำนวนถึง 5-10 แบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์รุ่นใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคสูงมาก และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในอนาคตอีกมาก
“เราอยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี ผ่านเหตุการณ์มาหลายอย่างมากมาย เราจึงมีความพร้อมที่จะรับมือการแข่งขันได้ทุกรูปแบบ และเมื่อเกิดเออีซีการแข่งขันก็จะรุนแรงมากขึ้นเราก็ไม่กลัว ตลาดต่างประเทศเราทำมานานแล้ว ที่อาเซียนเราเข้าไปทำตลาดมาหลายปีแล้ว รวมทั้งไปทำตลาดในระดับโลกมานานถึง 10 ปีจนกลายเป็นแบรนด์ในระดับโลก ซึ่งขณะนี้ฟลายนาวก็กำลังก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 และ 3 แล้วด้วย”
ปัจจุบันฟลายนาวมีแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นย่อยๆ (ซับแบรนด์) รวมทั้งหมด 4 แบรนด์ คือ ฟลายนาว, ฟลายนาว ทรี, การ์เด้น และแบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น ซึ่งแบรนด์ใหม่นี้จะเปิดตัวในเดือน ธ.ค.นี้ มีราคาประมาณ 500-2,000 บาท โดยวางตำแหน่งให้เป็นแบรนด์ที่จะใช้แข่งขันในตลาดเสื้อผ้าระดับกลางของไทยที่รุนแรงมากขึ้น กลุ่มลูกค้าของแมลงการ์เด้นเน้นเจาะวัยรุ่นของไทย กลุ่มวัยทำงาน คนสูงอายุ เน้นรูปแบบสวมใส่สบายและซื้อง่าย ขายคล่อง คาดว่าในปีแรกที่เปิดตัวจะเปิดสาขาได้ประมาณ 10 สาขา
ส่วนแบรนด์ฟลายนาวมีราคาตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และสูงสุดมากกว่า 100,000 บาท ฟลายนาว ทรี ราคาตั้งแต่ 3,000-10,000 บาท แบรนด์การ์เด้นราคาถูกกว่าฟลายนาว ทรี 40% และแบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น ราคาในระดับ 500-2,000 บาท ส่วนราคากระเป๋า ในกลุ่มโกลด์จะมีราคา 50,000 บาทขึ้นไป แบล็ก 20,000-30,000 บาท และไวต์ราคา 5,000-10,000 บาท
“แบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น นี้เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ด้วยว่าจะใช้เป็นแบรนด์ที่รุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดเออีซีในอีก 3 ปีจากนี้ เพราะเศรษฐกิจแต่ละประเทศของอาเซียนมีความแตกต่างกัน อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน จึงมองว่าแบรนด์นี้จะเหมาะสมที่จะใช้ขยายตลาดมากที่สุด”
ในปี 2556 วางแผนขยายสาขาใหม่อีกประมาณ 30-40 สาขา โดยใช้งบประมาณ 3-5 ล้านบาทต่อสาขา หรือลงทุนรวม 150 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะขยายแบรนด์ใหม่เพิ่มทุกแบรนด์เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และคาดว่าเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปี 56 จะเติบโต 30% ต่อเนื่องจากปีนี้ที่เติบโต 30% ขณะที่ยอดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเติบโต 20% เป็นผลมาจากแผนงานประสบความสำเร็จได้ตามที่วางไว้ ทำให้ยอดขายเติบโตสูงขึ้น สัดส่วนยอดขายของบริษัทมาจากตลาดในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% ซึ่งราคาขายของฟลายนาวในต่างประเทศจะแพงกว่าไทยประมาณ 30%
นายสมชัย ส่งวัฒนา ประธานบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ บริษัท แอท แบงค็อก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น “ฟลายนาว” เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 มั่นใจว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการแฟชั่นของคนไทยที่จะมีโอกาสทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น และมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของตลาดเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นได้แน่นอนหลังเปิดเออีซีแล้ว รวมทั้งกลุ่มฟลายนาวเองก็จะได้รับผลดีด้วย
ปัจจุบันแฟชั่นแบรนด์ของคนไทยรายใหม่ที่มีศักยภาพในตลาดมีจำนวนถึง 5-10 แบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์รุ่นใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคสูงมาก และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในอนาคตอีกมาก
“เราอยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี ผ่านเหตุการณ์มาหลายอย่างมากมาย เราจึงมีความพร้อมที่จะรับมือการแข่งขันได้ทุกรูปแบบ และเมื่อเกิดเออีซีการแข่งขันก็จะรุนแรงมากขึ้นเราก็ไม่กลัว ตลาดต่างประเทศเราทำมานานแล้ว ที่อาเซียนเราเข้าไปทำตลาดมาหลายปีแล้ว รวมทั้งไปทำตลาดในระดับโลกมานานถึง 10 ปีจนกลายเป็นแบรนด์ในระดับโลก ซึ่งขณะนี้ฟลายนาวก็กำลังก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 และ 3 แล้วด้วย”
ปัจจุบันฟลายนาวมีแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นย่อยๆ (ซับแบรนด์) รวมทั้งหมด 4 แบรนด์ คือ ฟลายนาว, ฟลายนาว ทรี, การ์เด้น และแบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น ซึ่งแบรนด์ใหม่นี้จะเปิดตัวในเดือน ธ.ค.นี้ มีราคาประมาณ 500-2,000 บาท โดยวางตำแหน่งให้เป็นแบรนด์ที่จะใช้แข่งขันในตลาดเสื้อผ้าระดับกลางของไทยที่รุนแรงมากขึ้น กลุ่มลูกค้าของแมลงการ์เด้นเน้นเจาะวัยรุ่นของไทย กลุ่มวัยทำงาน คนสูงอายุ เน้นรูปแบบสวมใส่สบายและซื้อง่าย ขายคล่อง คาดว่าในปีแรกที่เปิดตัวจะเปิดสาขาได้ประมาณ 10 สาขา
ส่วนแบรนด์ฟลายนาวมีราคาตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และสูงสุดมากกว่า 100,000 บาท ฟลายนาว ทรี ราคาตั้งแต่ 3,000-10,000 บาท แบรนด์การ์เด้นราคาถูกกว่าฟลายนาว ทรี 40% และแบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น ราคาในระดับ 500-2,000 บาท ส่วนราคากระเป๋า ในกลุ่มโกลด์จะมีราคา 50,000 บาทขึ้นไป แบล็ก 20,000-30,000 บาท และไวต์ราคา 5,000-10,000 บาท
“แบรนด์ใหม่ แมลงการ์เด้น นี้เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ด้วยว่าจะใช้เป็นแบรนด์ที่รุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดเออีซีในอีก 3 ปีจากนี้ เพราะเศรษฐกิจแต่ละประเทศของอาเซียนมีความแตกต่างกัน อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน จึงมองว่าแบรนด์นี้จะเหมาะสมที่จะใช้ขยายตลาดมากที่สุด”
ในปี 2556 วางแผนขยายสาขาใหม่อีกประมาณ 30-40 สาขา โดยใช้งบประมาณ 3-5 ล้านบาทต่อสาขา หรือลงทุนรวม 150 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะขยายแบรนด์ใหม่เพิ่มทุกแบรนด์เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และคาดว่าเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปี 56 จะเติบโต 30% ต่อเนื่องจากปีนี้ที่เติบโต 30% ขณะที่ยอดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเติบโต 20% เป็นผลมาจากแผนงานประสบความสำเร็จได้ตามที่วางไว้ ทำให้ยอดขายเติบโตสูงขึ้น สัดส่วนยอดขายของบริษัทมาจากตลาดในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% ซึ่งราคาขายของฟลายนาวในต่างประเทศจะแพงกว่าไทยประมาณ 30%