“ประภัสร์” ทำงานวันแรกชูนโยบาย 4 ข้อ ปรับปรุงบริการ, หารายได้เพิ่ม, ดูแลความเป็นอยู่พนักงาน และบริหารรถไฟความเร็วสูง ยันไม่แบ่งพวก ไม่รื้อคน ไม่โยกย้าย ปลุกพนักงานร่วมมือกันทำงาน หวัง 2 ปีครึ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้การรถไฟฯ
วันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 08.39 น. นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามสัญญาจ้างและเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก โดยได้ประชุมกับผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เกี่ยวกับทิศทางการทำงาน และมอบนโยบายสำคัญ 4 ข้อ คือ 1. ปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่ง ร.ฟ.ท.มีปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน สภาพราง และขาดหัวรถจักร ตู้โดยสารและแคร่ขนส่งสินค้า เนื่องจากไม่มีการจัดซื้อมานาน ขณะที่โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1.76 แสนล้านบาทที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลชุดก่อนดำเนินการจัดซื้อล่าช้า ขณะที่การส่งมอบจะใช้เวลาเกือบ 2 ปี จำเป็นต้องเร่งรัดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น อาจจะต้องเช่าหัวรถจักรมาใช้งานแทนก่อนซึ่งไทยใช้ราง 1 เมตรแต่มีไม่กี่ประเทศที่ใช้รางขนาดใกล้เคียง เช่น ญี่ปุ่น ใช้ราง 1.06 เมตร และมาเลเซีย สามารถนำรถมาปรับปรุงได้ แต่ปัญหาคือจะมีรถจักรเหลือให้เช่าหรือไม่เท่านั้น ซึ่งหากหาเช่าไม่ได้อาจจะเจรจากับผู้ประกวดราคาโดยให้เงื่อนไขพิเศษแก่ผู้ที่ส่งมอบรถได้เร็วที่สุด เป็นต้น
“การได้หัวรถจักรมาเร็วมากเท่าไร นอกจากทำให้บริการดีขึ้น ตรงเวลามากขึ้นแล้วยังจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย แต่ปัญหาคือตอนนี้รถขนาด 1 เมตรไม่ค่อยใช้กันแล้ว เหลือไม่กี่ประเทศ ต้องไปเจรจาก่อนว่าเขาจะให้เช่าหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็อาจจะต้องเร่งรัดการจัดซื้อให้เร็วที่สุด ซึ่งถือว่าคุ้มค่าหากต้องให้เงื่อนไขพิเศษ” นายประภัสร์กล่าว
2. เอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน โดยการปรับปรุงบ้านพัก ที่ทำงานให้ดีขึ้น 3. วางแผนพัฒนาหารายได้เพิ่มให้องค์กรเพราะการเดินรถเพียงอย่างเดียวทำให้ ร.ฟ.ท.ขาดทุน เช่น การพัฒนาที่ดินของการรถไฟฯ ที่มีศักยภาพ และการตรวจสอบสัญญาเช่าที่ดินในปัจจุบันที่เสียเปรียบหรือมีรายได้น้อย ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับ รมว.พลังงานแล้วกรณีขอเก็บค่าเช่าที่ดินจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งสัญญาเดิมกำลังจะหมดอายุในต้นปี 2556 และ 4. เร่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ตัดสินว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ โดยจะเสนอขอให้ ร.ฟ.ท.เป็นผู้บริหาร เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงาน ร.ฟ.ท.ว่าจะบริหารรถไฟความเร็วสูงได้
“ผมมีเวลาทำงาน 2 ปีครึ่ง ดังนั้นจึงอยากให้พนักงานร่วมกันทำงานเพื่อเปลี่ยนการรถไฟฯ ไปในทางที่ดีขึ้น ให้การรถไฟฯ กลับมาเป็นความภูมิใจของคนไทย ของพนักงาน และให้พูดถึงการรถไฟฯ ด้วยความภาคภูมิใจ ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งสำคัญอะไร เพื่อให้การทำงานเป็นปึกแผ่น ยึดผลการทำงานเป็นหลัก หากมีปัญหาอะไรให้พนักงานพูดความจริงเพราะทุกอย่างแก้ไขได้”นายประภัสร์กล่าว