xs
xsm
sm
md
lg

กรมเจรจาฯ จัดโต๊ะกลมชี้โอกาสเจาะตลาดชิลีหลัง FTA จะบังคับใช้ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมจัดสัมมนาโต๊ะกลม “โอกาสด้านการค้าการลงทุนไทย–ชิลี” เพื่อกระตุ้นให้เห็นถึงโอกาสและเปิดมุมมองใหม่ด้านการค้าการลงทุนในประเทศชิลีให้มากขึ้น รวมถึงให้ผู้ประกอบการเตรียมพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี ซึ่งคาดว่าความตกลงจะมีผลใช้บังคับภายในปีหน้า

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะจัดสัมมนาโต๊ะกลมเรื่อง “โอกาสด้านการค้าการลงทุนไทย-ชิลี” ในวันพุธที่ 19 กันยายน 2555 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและเปิดมุมมองใหม่ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ และกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงโอกาสการค้าและการลงทุนในประเทศชิลีให้มากขึ้น พร้อมทั้งให้ผู้ประกอบการเตรียมพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับชิลี

การสัมมนาครั้งนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนระดับสูงในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ที่มีความรู้และประสบการณ์การค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศ และนักลงทุนชิลีมาเล่าประสบการณ์ความสำเร็จในการลงทุนในประเทศไทย และวางแผนที่จะชักชวนนักลงทุนชาวชิลีมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากชิลีมียุทธศาสตร์ที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Javier Becker) ร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ประเทศชิลี : ประโยชน์และโอกาสในการลงทุน” ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมรับฟังถึงช่องทางและโอกาสของคนไทยที่จะไปลงทุนหรือค้าขายกับชิลีซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่ของนักลงทุนไทย พร้อมทั้งเผยเคล็ดลับการค้า การลงทุนกับคนชิลีด้วย

นางศรีรัตน์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไทยกับชิลีได้บรรลุผลแล้วในด้านสารัตถะและงานด้านเทคนิคของการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วงนี้อยู่ระหว่างการนำความตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาต่อไป การบรรลุผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนของทั้งสองฝ่าย และทำให้ทั้งสองประเทศเป็นฐานด้านการส่งออกและนำเข้าสินค้าและบริการไปยังภูมิภาคของแต่ละฝ่าย อีกทั้ง FTA จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ โดยสินค้าไทยจะมีโอกาสขยายการค้าไปยังประเทศในกลุ่มละตินอเมริกา ซึ่งมีประชากรมากกว่า 500 ล้านคน ขณะที่ชิลีจะมีโอกาสเข้าถึงประชากรในอาเซียนมากขึ้นเช่นกัน คือประมาณ 600 ล้านคน

สินค้าส่งออกของไทยที่จะได้รับประโยชน์จากความตกลงฯ ได้แก่ ยานยนต์ ซีเมนต์ พลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เป็นต้น ส่วนสินค้าของชิลีที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ทองแดงและแร่ธาตุ สินค้าเกษตรส่งออก ได้แก่ ผลไม้เมืองหนาว เช่น เชอร์รี แอปเปิล และปลา เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ หรือส่งออกต่อไปยังประเทศอื่น ส่วนในด้านการค้าบริการและการลงทุน ชิลีได้เปิดตลาดให้ไทยเข้าไปจัดตั้งกิจการร้านอาหารไทย สปา/นวดแผนไทย การค้าส่ง/ค้าปลีก วิศวกรรม สถาปัตยกรรม ก่อสร้าง ท่องเที่ยว และกิจการโรงแรม เป็นต้น และคาดว่าผลของการเจรจาจะทำให้การค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศโตขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 30

ปัจจุบันสาธารณรัฐชิลีเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา เป็นคู่ค้าอันดับที่ 47 ของไทย ชิลีเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 47 และแหล่งนำเข้าอันดับที่ 42 ในปี 2554 มีการค้ารวมมีมูลค่า 874.31 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.19% ของการค้ารวม) เพิ่มขึ้น 6.8% จากปี 2553 โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 159.66 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออก 517.13 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.23% ของการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้น 0.58% จากปี 2553 ไทยนำเข้ามูลค่า 357.48 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.16% ของการนำเข้ารวม) เพิ่มขึ้น 17.30% จากปี 2553 สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยานยนต์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ซีเมนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า พลาสติก ยาง และเครื่องนุ่งห่ม ในขณะที่ชิลีส่งออกทองแดง แร่ต่างๆ สินค้าประมง ผลไม้และผัก เหล็ก และกระดาษเป็นสินค้าหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น