รมว.ต่างประเทศ น้ำลายฟูมปาก แถลงผลงานครบรอบ 1 ปีเอง ยาวชั่วโมงครึ่ง โวผลงานเพียบ สังคมโลกให้การยอมรับ อ้าง สหรัฐฯ ยกย่องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อ้างเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน วอนทุกฝ่ายอย่าเอาการต่างประเทศมาเล่นการเมือง ถามถึงส่งตัว “ทักษิณ” ติดคุก อ้างไม่มีนโยบาย ส่วน “วีระ-ราตรี” ยอมๆ ติดคุกไปก่อน
วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ แถลงผลงานครบรอบ 1 ปี การทำงานของกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาที่จะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น จากที่นายกรัฐมตรีได้เดินทางเยือนต่างประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน 9 ประเทศ รวมถึงกลุ่มทวีปเอเชียตะวันออกอย่างประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ประเทศในตะวันออกกลาง 4 ประเทศ และประเทศในทวีปยุโรป 3 ประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีโดยมีผู้นำและราชวงศ์มาเยือนไทย 17 ครั้ง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้สังคมโลกให้การยอมรับ
โดยในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างไทย-เมียนมาร์ ได้มีการเปิดด่านแม่สอด-เมียวดี ที่ปิดมากว่า 1 ปี นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามใน MOU 2 ฉบับ เรื่องการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายและท่าเรือแหลมฉบังระหว่างประเทศไทยและเมียนมาร์ ส่วนกัมพูชาได้ที่การคลี่คลายปัญหาตามแนวชายแดนโดยไม่มีการปะทะทางทหาร และการผลักดันให้เปิดด่านไทย-กัมพูชา ส่วนประเทศลาว ได้หารือในการยกระดับด่านไทย-ลาว การร่วมมือโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร การบริหารจัดการน้ำ การหารือสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ส่วนประเทศมาเลเซีย มีการประชุมเพื่อพิจารณาว่าด้วยการเดินทางข้ามแดนไทยมาเลเซีย ส่วนความสัมพันธ์ในประเทศอาเซียน โดยประเทศเวียดนามมีการผลักดันร่วมมือเรื่องข้าวและการส่งออกข้าว บรูไนได้มีการส่งเสริมการขายข้าวหอมมะลิ และอุตสาหกรรมฮาลาล และการเพิ่มการจ้างแรงงานไทย ส่วนอินโดนีเซียได้มีการลงนามการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ส่วนความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศนั้น ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้รับการยอมรับจากการเลือกตั้ง ส่วนทางด้านเรษฐกิจได้มีการประสานด้านการค้าหรือ FTA ระหว่างไทย กับสหภาพยุโรป อินเดีย การเจรจาให้มีการยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่แช่แข็งสดจากไทย เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ กาตาร์ และสหภาพยุโรป และโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกในการประชาสัมพันธ์อาหารไทยไปยังต่างประเทศ
ส่วนความสัมพันธ์ที่เป็นรูปธรรม ระหว่างประเทศไทย-จีน ได้มีการสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ระบบบริหารจัดการน้ำ และพลังงานทดแทน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ในความร่วมมือทวิภาคีด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การพัฒนาการท่องเที่ยว ความร่วมมือทางด้านการค้าสินค้าเกษตร ความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทย-จีน ส่วนประเทศอินเดียนั้นทางประเทศอินเดียได้ให้ประเทศไทยเป็นประตูเปิดสู่กลุ่มประเทศอาเซียน ยกระดับความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนทางด้านยุทธศาสตร์ การสร้างถนนเชื่อมไทย เมียนมาร์ อินเดีย เชื่อมโยงกัน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการเพิ่มการค้าการลงทุน การทบทวนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทย ส่วนสหรัฐอเมริกาให้การยอมรับประเทศไทย เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การหารือเชิงยุทธศาสตร์ การโน้มน้าวไม่ให้สหรัฐฯลดระดับไทยด้านการค้ามนุษย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก การพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะให้ไทยเข้าร่วมการค้าการลงทุนใน TPP
ส่วนความสำเร็จของรัฐบาลที่เห็นเป็นรูปธรรมปริมาณการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว มีตัวเลขเพิ่มขึ้นจำนวนมากเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2555 กับ 2554 โดยสรุปจากการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ที่มีการพูดคุยใน 215 เรื่อง โดยประสบความสำเร็จใน 27 เรื่อง และเรื่องที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องอีก 188 เรื่อง และการส่งเสริมความเข้าใจในกลุ่มประเทศมุสลิมในเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลได้รับการเลือกตั้งมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ทำให้ต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงอยากฝากให้ทุกฝ่ายไม่ควรเอาการต่างประเทศมาเป็นประเด็นในการเล่นการเมือง พร้อมขอร้องทุกฝ่ายให้คิดถึงประเทศเป็นหลัก เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของท่องเที่ยวที่จะมายังประเทศไทย
เมื่อถามถึงหน้าที่การทำเรื่องขอส่งตัวผู้รายข้ามแดน โดยเฉพาะกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีดนายกรัฐมนตรี รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายนี้ เพราะไม่ได้เขียนไว้นำคำแถลงต่อรัฐสภา ส่วนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ไม่มีความคืบหน้านั้น นายสุรพงษ์ ย้ำว่า 1.ทางกระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ส่งคำร้องไปยังต่างประเทศในช่องทางการทูต 2.การติดตามบุคคลในต่างประเทศเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนกระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว 3.ทางการไทยจะไม่สามารถจัดส่งคำร้องของส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังต่างประเทศได้หากยังไม่มีข้อมูลรับรองแหล่งที่อยู่ได้ชัดเจน เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีนโยบายติดตามขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพราะไม่มีระบุไว้ในนโยบายเร่งด่วน แต่หากมีใครทำเรื่องร้องขอตามสนธิสัญญากระทรวงการต่างประเทศก็จะรับไว้พิจารณา
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ ยังยืนยันว่า หน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ 1 ปีที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการปกป้องเผยแพร่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยชี้แจงต่อสถานทูตและกงสุล และทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ต่อนานาประเทศด้วย ส่วนกรณีของ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในประเทศกัมพูชานั้น รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำกัมพูชา ก็จะถามไถ่เรื่องนี้ แต่ทางฝ่ายนั้นชี้แจงมาว่า ต้องให้ทั้งสองคนถูกดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาไปก่อน ซึ่งเรื่องนี้ทางเราก็กำลังพยายามหาทางช่วยเหลืออยู่
มีรายงานว่า การแถลงผลงานครั้งนี้ นายสุรพงษ์ เป็นผู้แถลงด้วยตัวเองเพียงคนเดียว โดยใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที