“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ปราศรัยครบรอบ 45 ปีสมาคมอาเซียน เน้นพัฒนาความร่วมมือ 3 ด้าน พร้อมยันสร้างความพร้อมนำไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อย่างสมบูรณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเนื่องในวันอาเซียน ประจำปี 2555 ตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 45 ปีของการก่อตั้ง “สมาคมประชาชาติแห่งเอเซียนตะวันออกเฉียงใต้” หรืออาเซียน ซึ่งถือกำเนิดขึ้นโดยวิสัยทัศน์ของผู้นำไทยในขณะนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก รวมทั้งการธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค และหลังจากนั้นเป็นต้นมาอาเซียนก็ได้ขยายสมาชิกเพิ่มขึ้นจาก 5 ประเทศ จนมีสมาชิกรวม 10 ประเทศในปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความร่วมมือในกรอบอาเซียนได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นลำดับ จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้พัฒนามาเป็นความตกลงเขตการค้าเสรี และกำลังพัฒนาต่อไปเป็นประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเน้นในการพัฒนา 3 ด้านด้วยกัน คือ ประชาคมด้านการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อที่จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ในการเป็นประชาคมอาเซียน ประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะมีฉันทามติร่วมกันในการรักษาสันติภาพในภูมิภาค และจะร่วมกันผลักดันให้อาเซียนเป็นพลังในการขับเคลื่อนสันติภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออก
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในด้านเศรษฐกิจ อาเซียนจะรวมกันเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งอยู่ในระหว่างการขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนกับประเทศอื่นๆ นอกอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักสำคัญคือ การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน หรือที่เรามักเรียกทับศัพท์กันว่า “connectivity” ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ทั้งถนน รถไฟความเร็วสูง ทางเรือ ทางอากาศ รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการลงทุน และเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมืออย่างเสรีในกลุ่มสมาชิกอาเซียนด้วยกัน การเชื่อมโยงทั้งหมดนี้จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มความน่าดึงดูดสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนไทยโดยรวม
นอกจากนี้ หลักสำคัญในการสร้างประชาคมอาเซียนจะเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศอาเซียนมีความรู้สึกเป็นชาวอาเซียนร่วมกัน ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ของอาเซียนก็จะต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การที่ไทยผลักดันความร่วมมือด้านการต่อต้านยาเสพติด การค้ามนุษย์ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เป็นต้น รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสร้างความพร้อม และความเข้มแข็งในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้เร่งดำเนินการด้านต่างๆ ทั้งการปรับปรุงโครงสร้าง กฎระเบียบ การเพิ่มพูนทักษะกำลังคน การจัดทำยุทธศาสตร์และแผนงาน รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภูมิภาค ประเทศไทยและพี่น้องชาวไทยทุกคน
“ขอยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างความพร้อมเพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อย่างสมบูรณ์ และการที่ประเทศไทยมีที่ตั้งสำคัญเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และมีศักยภาพในการเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ และสังคมในภูมิภาคนี้เข้าด้วยกัน รัฐบาลจึงได้เร่งผลักดันให้มีการร่วมมือด้านการค้าการลงทุน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมการสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค และการลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อให้ทุกประเทศในอาเซียนมีความเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่าในโอกาสวันอาเซียนนี้ ขออวยพรให้พี่น้องชาวไทย และพี่น้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นพี่น้องชาวอาเซียนร่วมกัน จงประสบแต่ความผาสุกสวัสดีโดยทั่วกัน