เรมี่ มาร์แตงจ่อปรับราคาคอนญัคขึ้น 5-15% หลังกรมสรรพสามิตโขกภาษีขึ้น 50% ระบุไทยจัดเป็นประเทศที่จัดภาษีสูง รีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ในอาเซียน ปูพรม 6 ประเทศรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขยายฐานจากกลุ่มสูงวัยสู่วัยทำงาน หวังภายใน 5 ปีในไทยรั้งอันดับ 2 หรือ 3
นายกิตติพัฒน์ ไชยกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เรมี่คอนโทร ภายใต้การจัดจำหน่ายของบริษัท บางกอกเบียร์ แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่กรมสรรพสามิตปรับการจัดเก็บภาษีบรั่นดีเพิ่มขึ้นจาก 48% เป็น 50% ส่งผลให้บริษัทต้องปรับราคาเรมี่ มาร์แตง ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มคอนญัค แต่จัดเป็นบรั่นดีชนิดหนึ่ง เพิ่มขึ้น 5-15% ในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ ทำให้เรมี่ มาร์แตง เอ็กซ์โอ ปรับราคาเพิ่มขึ้น 10-15% จาก 5,750 บาท เป็นมากกว่า 6,000 บาท และเรมี่ มาร์แตง วีเอสโอพี ปรับเพิ่มขึ้น 5-10% ขนาด 70 มล. ราคา 2,095 บาท เพิ่มเป็นมากกว่า 2,200 บาท โดยขณะนี้บริษัทยังมีสินค้าอยู่ในสต๊อกบ้าง
สำหรับการปรับภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยในกลุ่มบรั่นดีอยู่ราว 200% แต่เมื่อเทียบกับอินเดียมีการจัดเก็บภาษี 400% สูงที่สุดในโลก ขณะที่อินโดนีเซีย 300% อย่างไรก็ตาม ผลการปรับภาษีบรั่นดีเพิ่มขึ้นคาดว่าจะสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคบ้าง สำหรับบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายมีกำลังการซื้อสูง โดยอาจจะกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายคนไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวกระทบ ซึ่งการปรับภาษีเพิ่มขึ้นและกฎหมายที่เข้มงวดของไทย เป็นอุปสรรคต่อการทำตลาดและกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย
นางสาวคาเรน อัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เรมี่คอนโทร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนรีแบรนดิ้งหรือปรับภาพลักษณ์แบรนด์เรมี่ มาร์แตงใหม่ในตลาดอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุ 20-25 ปี หรือวัยทำงาน
เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้มีอายุ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “เรมี่ มาร์แตง คอนโทร แดนซ์ โชว์ดาวน์ 2012” เวทีประกวดเพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเต้นระดับเอเชีย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรมี่ มาร์แตงในประเทศไทยในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังเป็นกลยุทธ์สื่อสารการตลาดเชิงรุกในการขยายตลาดอาเซียน รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558
“การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์เพื่อขยายตลาดเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังการซื้อสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเราวางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดแคมเปญคอนโทร แดนซ์ โชว์ดาวน์ 2012 ที่ประเทศเวียดนาม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เริ่มจดจำแบรนด์และซื้อสินค้ามากขึ้น”
สภาพตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งนำเข้าและผู้ผลิตในไทย 60 ล้านลัง แบ่งเป็นตลาดคอนญัคในไทยในเชิงปริมาณ 2 หมื่นลัง เทียบกับเวียดนามมีขนาดตลาดใหญ่กว่า 10 เท่า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดคอนญัคในไทยไม่เติบโต และอาจจะหดตัวลงเนื่องจากไม่มีการทำตลาดในเชิงรุก แต่ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโต สามารถขยายฐานลูกค้าอายุต่ำกว่า 40 ปี
โดยพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มหันมาดื่มเครื่องดื่มนอกเหนือจากวิสกี้มากขึ้น อาทิ ค็อกเทล และล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งบริษัท บางกอกเบียร์ แอนด์ เบเวอเรจ เป็นผู้จำหน่ายสินค้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยยอดขายคอนญัคของบริษัทปีละ 5,000 ลัง เป็นอันดับ 2 หรือ 3 ในตลาด ขณะที่ผู้นำตลาดคือเฮนเนสซี่
นายกิตติพัฒน์ ไชยกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เรมี่คอนโทร ภายใต้การจัดจำหน่ายของบริษัท บางกอกเบียร์ แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่กรมสรรพสามิตปรับการจัดเก็บภาษีบรั่นดีเพิ่มขึ้นจาก 48% เป็น 50% ส่งผลให้บริษัทต้องปรับราคาเรมี่ มาร์แตง ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มคอนญัค แต่จัดเป็นบรั่นดีชนิดหนึ่ง เพิ่มขึ้น 5-15% ในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ ทำให้เรมี่ มาร์แตง เอ็กซ์โอ ปรับราคาเพิ่มขึ้น 10-15% จาก 5,750 บาท เป็นมากกว่า 6,000 บาท และเรมี่ มาร์แตง วีเอสโอพี ปรับเพิ่มขึ้น 5-10% ขนาด 70 มล. ราคา 2,095 บาท เพิ่มเป็นมากกว่า 2,200 บาท โดยขณะนี้บริษัทยังมีสินค้าอยู่ในสต๊อกบ้าง
สำหรับการปรับภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยในกลุ่มบรั่นดีอยู่ราว 200% แต่เมื่อเทียบกับอินเดียมีการจัดเก็บภาษี 400% สูงที่สุดในโลก ขณะที่อินโดนีเซีย 300% อย่างไรก็ตาม ผลการปรับภาษีบรั่นดีเพิ่มขึ้นคาดว่าจะสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคบ้าง สำหรับบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายมีกำลังการซื้อสูง โดยอาจจะกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายคนไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวกระทบ ซึ่งการปรับภาษีเพิ่มขึ้นและกฎหมายที่เข้มงวดของไทย เป็นอุปสรรคต่อการทำตลาดและกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย
นางสาวคาเรน อัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เรมี่คอนโทร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนรีแบรนดิ้งหรือปรับภาพลักษณ์แบรนด์เรมี่ มาร์แตงใหม่ในตลาดอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุ 20-25 ปี หรือวัยทำงาน
เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้มีอายุ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “เรมี่ มาร์แตง คอนโทร แดนซ์ โชว์ดาวน์ 2012” เวทีประกวดเพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเต้นระดับเอเชีย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรมี่ มาร์แตงในประเทศไทยในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังเป็นกลยุทธ์สื่อสารการตลาดเชิงรุกในการขยายตลาดอาเซียน รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558
“การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์เพื่อขยายตลาดเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังการซื้อสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเราวางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดแคมเปญคอนโทร แดนซ์ โชว์ดาวน์ 2012 ที่ประเทศเวียดนาม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เริ่มจดจำแบรนด์และซื้อสินค้ามากขึ้น”
สภาพตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งนำเข้าและผู้ผลิตในไทย 60 ล้านลัง แบ่งเป็นตลาดคอนญัคในไทยในเชิงปริมาณ 2 หมื่นลัง เทียบกับเวียดนามมีขนาดตลาดใหญ่กว่า 10 เท่า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดคอนญัคในไทยไม่เติบโต และอาจจะหดตัวลงเนื่องจากไม่มีการทำตลาดในเชิงรุก แต่ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโต สามารถขยายฐานลูกค้าอายุต่ำกว่า 40 ปี
โดยพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มหันมาดื่มเครื่องดื่มนอกเหนือจากวิสกี้มากขึ้น อาทิ ค็อกเทล และล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งบริษัท บางกอกเบียร์ แอนด์ เบเวอเรจ เป็นผู้จำหน่ายสินค้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยยอดขายคอนญัคของบริษัทปีละ 5,000 ลัง เป็นอันดับ 2 หรือ 3 ในตลาด ขณะที่ผู้นำตลาดคือเฮนเนสซี่