xs
xsm
sm
md
lg

“ทีดีอาร์ไอ” ชี้ไฮสปีดเทรนเพิ่มการค้าเพื่อนบ้าน แนะรัฐศึกษาทั้งระบบ-เน้นระยะยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ทีดีอาร์ไอ” เชื่อรถไฟความเร็วสูงช่วยเพิ่มมูลค่าการค้ากับเพื่อนบ้าน เพิ่มอีกหลายแสนล้านบาท แนะรัฐศึกษาโครงสร้างทั้งระบบ ทั้งการลงทุนและรูปแบบการก่อสร้าง โดยมองผลในระยะยาว

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในการสัมมนาโครงการวิจัยการใช้ประโยชน์จากระบบรถไฟที่เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภูมิภาค โดยมองว่าไทยมีศักยภาพที่เหมาะสมในด้านความเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่สามารถเป็นทางออกสู่ทะเลให้ประเทศลาว และมณฑลจีนตอนใต้ โดยอาศัยไทยเป็นช่องทางผ่านไปท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือหลักที่ประเทศสิงคโปร์

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมีแนวคิดจะสร้างรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 745 กิโลเมตร มูลค่า 229,000 ล้านบาท กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร มูลค่า 201,000 ล้านบาท กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 221 กิโลเมตร มูลค่า 72,000 ล้านบาท และกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 982 กิโลเมตร มูลค่า 297,000 ล้านบาท

โดยผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอพบว่า หากมีการลงทุนก่อสร้างแล้วจะทำให้การค้าระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านผ่านการขนส่งทางบกมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยจะพบว่าการค้าระหว่างไทย-ลาวจะมีสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะด่านหนองคายมีแนวโน้มที่การค้าจะสูงถึง 150,000 ล้านบาทในปี 2556 และด่านเชียงแสน ซึ่งเชื่อมต่อมาจากจีนตอนใต้ มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทในปี 2564

ขณะเดียวกัน ก็จะกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผลการศึกษาจากเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นถึง 7 ล้านคนต่อปี หากมีการนำโครงการระบบรถไฟความเร็วสูงมาใช้ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะสามารถแบ่งสัดส่วนจำนวนผู้โดยสารจากการเดินทางรูปแบบอื่นๆ ได้ถึงร้อยละ 32.08 รวมถึงต้นทุนการขนส่งจะลดลงร้อยละ 10-20 ในปี 2564

อย่างไรก็ตาม การลงทุนก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงจะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ดังนั้นจึงต้องศึกษาความเป็นไปได้อย่างละเอียด และต้นทุนการก่อสร้างจะต้องได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ เช่น ในประเทศเกาหลีใต้รัฐจะเป็นผู้ก่อสร้าง และให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ คือ รูปแบบ PPP โดยเอกชนรับผลประโยชน์จากการลงทุน และรัฐรับประโยชน์จากเศรษฐกิจ และสังคม


กำลังโหลดความคิดเห็น