xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” จี้รัฐบาลทบทวนนโยบายจำนำข้าว-มันสำปะหลัง หลังเสียหายแสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องรัฐบาลทบทวนนโยบายจำนำข้าว-มันสำปะหลัง หลังผู้บริหาร ธ.ก.ส.เผยรัฐขาดทุน 1 แสนล้านบาท แปลกใจ “บุญทรง” ยังเดินหน้า กังวลนายกฯ เปิดตัว “บัตรเครดิตเกษตรกร” ส่งเสริมประชาชนเป็นหนี้ ด้าน “ชวนนท์” ชี้มีการแต่งตัวเลขข้าวลม เกิดส่วนต่าง 3.3 ล้านตัน ส่วนจำนำมันสำปะหลังยอดโผล่ช่วงนอกฤดูผลิต 1.5 ล้านตัน

วันนี้ (30 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ระบุถึงการจำนำข้าวและมันสำปะหลังทำให้รัฐขาดทุนไปแล้วถึง 1 แสนล้านบาทว่า ตนเข้าใจว่าการช่วยเกษตรกรจะทำให้เกิดภาระทางการเงิน โดยเฉพาะการขาดทุน แต่การขาดทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 1 ปี ถ้าเทียบกับโครงการประกันรายได้ซึ่งช่วยเกษตรได้มากกว่าโครงการจำนำถึง 3 เท่า แต่ใช้เงินเพียงครึ่งหนึ่งของโครงการจำนำเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่อการบริหารสต๊อกข้าว และผลกระทบต่อตลาดค้าข้าว ศักยภาพข้าวไทยในการแข่งขัน รวมถึงการทุจริตด้วย

ทั้งนี้ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลต้องทบทวนนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่สร้างภาระให้ธนาคารของรัฐที่ถึงกับพูดแล้วว่าจะเกิดปัญหา อีกทั้งโครงการนี้ยังมีเรื่องทุจริตร้องเรียนจำนวนมาก ผู้ส่งออกข้าวก็ยืนยันว่าเป็นการทำลายอนาคตส่งออกข้าวไทย จึงไม่มีเหตุผลที่จะทบทวนเรื่องนี้ เพราะหากรัฐบาลยังเดินหน้านโยบายดังกล่าวจนครบวาระ 4 ปี จะสร้างภาระการเงินการคลังต่อประเทศจำนวนมาก โดยภาระจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะเกิดปัญหาสะสม เกิดความยากลำบากในการบริหารสต๊อกของรัฐบาลที่จะกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่เอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบการค้าข้าวไทย สุดท้ายปัญหาจะย้อนกลับมาที่เกษตรกร เพราะหากข้าวไทยมีปัญหาในการส่งออก เกษตรกรก็จะมีปัญหามากขึ้นในการขายข้าว นอกจากนี้ ภาระทางการเงินจะส่งผลต่อหนี้สาธารณะให้ขึ้นไปอย่างน้อยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีโอกาสที่หนี้สาธารณะจะทะลุ 60 เปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ตามที่ทีดีอาร์ไอเคยวิเคราะห์

นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า รัฐบาลต้องทบทวนในเรื่องนี้ เพราะคนที่ออกมาท้วงติงไม่มีใครขัดขวางการกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่มีรูปแบบที่สามารถช่วยเหลือได้ในหลายทาง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อ จึงต้องถามว่าเพราะอะไรในเมื่อมีความเสียหายหลายด้าน นอกจากนี้ การที่นายกฯ ไปเปิดโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรที่ขณะนี้ยังมีความสับสน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยส่งเสริมให้ประชาชนมีหนี้สินมากขึ้น ตนเห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสินเชื่อผ่านกลไก ธ.ก.ส. สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดค่านิยมให้ประชาชนสะสมหนี้สิน จึงอยากให้ระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาหลายประเทศที่เกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเดินหน้าประชานิยมจนกลายเป็นวิกฤตหนี้

“อยากให้รัฐบาลเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วย แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลมองแต่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ทำนโยบายถูกใจประชาชน หวือหวาในระยะสั้น เพื่อส่งผลต่อคะแนนนิยมในทางบวก แต่สิ่งที่ทำอยู่กำลังทำให้เกิดปัญหาต่อประชาชนและบ้านเมืองในอนาคต จึงอยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้ หากไม่ทบทวนก็มีตัวอย่างจากหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งนอกจากจะเกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจยังเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้ง ซึ่งการเมืองก็ได้รับผลกระทบด้วย จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนจริงๆ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศว่าจะเปิดรับจำนำข้าวในฤดูกาลต่อไปทันที แต่ตัวเลขความเสียหายของ ธ.ก.ส. ในฤดูกาลที่ผ่านมาเสียหายเพิ่มเติมปีนี้กว่า 1 แสนล้านบาท มีการตรวจพบการทุจริต การสวมสิทธิจำนำข้าว โดยตัวเลขของทีดีอาร์ไอในปีนี้ระบุว่าตัวเลขการจำนำข้าวในไทยทั้งหมด 10.2 ล้านตัน ใช้สำหรับการส่งออกข้าว 5.1 ล้านตัน ใช้ในการบริโภค 7.4 ล้านตัน รวมเป็นจำนวนข้าวทั้งหมด 22.6 ล้านตัน แต่หากไปดูผลผลิตของข้าวทั้งข้าวนาปรังและนาปีที่ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด 19.4 ล้านตัน จึงตั้งข้อสังเกตว่าคนไทยมีการบริโภคข้าวลม และส่งออกข้าวลม

ทั้งนี้ รัฐบาลมีการทำกิจกรรมกับข้าวในปริมาณที่มากกว่าการผลิตได้ ซึ่งทำให้มีข้าวส่วนเกินกว่า 3.3 ล้านตัน จึงต้องถามไปยังกระทรวงพาณิชย์ว่าส่วนเกินเอามาจากไหน เก็บไปกินที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือที่เชียงใหม่หรือไม่ ขอให้รีบออกมาชี้แจง นอกจากนี้ โครงการนี้กล่าวอ้างว่าแม้จะมีตัวเลขการส่งออกที่ลดลงในครึ่งปีแรกนี้ก็บอกไม่ต้องห่วง เพราะครึ่งปีหลังจะเร่งการส่งออกโดยขายข้าวระหว่างรัฐแบบจีทูจี ทางทีดีอาร์ไอไปตรวจสอบแล้วปรากฏว่าตัวเลขที่กล่าวอ้างว่าจะมีการซื้อขายแบบจีทูจีใน 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย จีน และฟิลิปปินส์ พบว่าเมื่อช่วงต้นปีประเทศดังกล่าวนี้นำเข้าข้าวจากจีนไปเกือบทั้งหมดแล้ว ตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขายได้ตามที่วางเป้าหมายไว้

ส่วนโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง เดิมจะเริ่มต้นช่วงต้นปีที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดเดือน พ.ค. แต่ปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์ขยายการรับจำนำเพิ่มคือเดือน มิ.ย.ทั้งที่เดือน มิ.ย.เป็นช่วงที่ผลผลิตไม่มีออกมาแล้ว เพราะมันสำปะหลังจะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค. ถึง มี.ค. จึงแปลกใจว่าเหตุใดจึงมีการขยายเวลารับจำนำในเดือน มิ.ย. เพิ่มเติม ทำให้เดือน มิ.ย. มีมันสำปะหลังเข้าโครงการรับจำนำถึง 1.5 ล้านตัน ไม่ทราบว่าโผล่มาจากไหน เพราะตามสถิติในช่วงเดือน มิ.ย. ไม่มีมันสำปะหลังอยู่ในมือเกษตรกรเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่าลานมันมีการรวมหัวกับนักการเมืองหรือไม่ ลานมันสวมสิทธิจำนำลมส่วนหนึ่ง และเอามันสำปะหลังที่รับซื้อจากเกษตรกรโดยการกดราคามาสวมสิทธิจำนำช่วงเดือน มิ.ย.ดังนั้น จึงอยากเตือนสติรัฐบาลให้หันมาดูแลในเรื่องนี้ด้วย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงปัญหาการเลิกจ้างแรงงานจากผลกระทบที่โรงงานอุตสาหกรรมปิดตัวว่า พบว่าการเลิกกิจการของโรงงานอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. ปี 55 ภาคธุรกิจเลิกกิจการไปทั้งหมด 102 ราย รวมค่าเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 54 ถึง 22.4 เท่าตัว อยากถามรัฐบาลว่าเกิดอะไรขึ้น ที่โรงงานมีการปิดตัวสูงกว่าในช่วงปีก่อน ทั้งที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพให้เห็นว่าโครงการต่างๆ เดินหน้าไปได้ ทั้งโครงการป้องกันน้ำท่วม การฟื้นฟูความมั่นใจของโรงงานภาคอุตสาหกรรม แต่เพียงแค่เดือนเดียวเลิกกิจการ ซึ่งปกติความเสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 พันล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับสถิติการเลิกกิจการในครึ่งปี 54 ที่มีกิจการปิดตัวไป 610 ราย ทำให้มีแรงงานถูกเลิกจ้าง 14,677 ราย แต่ปีนี้กิจการปิดตัวลงกว่า 1,823 ราย ทำให้มีการเลิกจ้างแรงงาน 46,966 ราย

“ในปีนี้มีปัญหาหลายอย่างทั้งเศรษฐกิจภายใน และการล่มสลายของเศรษฐกิจภายนอก แต่รัฐบาลยังมุ่งหน้าแต่จะสร้างประเด็นทางการเมือง รักษาผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง วันนี้คนไทยคงหมดหวังกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ทางพรรคขอให้กำลังใจคนไทยให้ผ่านพ้นกับปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจ” นายชวนนท์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น