รบ.ยอมถอยประชานิยมโครงการ "จำนำข้าวทุกเมล็ด" วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน "บุญทรง" ยอมรับที่ประชุม กขช. มีมติเลื่อนพิจารณาโครงการรับจํานําข้าวนาปี ฤดูกาลผลิตปี 55/56 เพื่อจัดทำรายละเอียด ปริมาณ และวงเงินใหม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ชาวนา เน้นผู้มีที่นาน้อย โดยการกำหนดวงเงินรับจำนำ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยระบุว่าที่ประชุมวันนี้ยังไม่มีการอนุมัติกรอบระยะเวลาการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีที่คาดว่าจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2555 นี้ เพราะเห็นว่าจะต้องปรับวิธีการรับจำนำใหม่ โดยจะกำหนดเพดานกรอบวงเงินของเกษตรกรที่จะนำข้าวเปลือกมาจำนำกับรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรที่มีพื้นที่นาไม่มากจะจำนำข้าวได้เพียงเล็กน้อย
ขณะที่เกษตรกรบางรายมีที่นามากกลับได้จำนำข้าวในปริมาณสูง จึงต้องพิจารณาและขอเวลาทบทวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่จะพยายามให้เปิดรับจำนำได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 นี้เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในการรับจำนำแบบไม่จำกัดจำนวนข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่ากรอบเดิมที่ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งอัตราการรับจำนำข้าวเปลือกนาปียังคงเป็นราคาเดิม เช่น ข้าวเปลือกเจ้าความชื้นไม่เกิน 15% อยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกหอมมะลิความชื้นไม่เกิน 15% อยู่ที่ 20,000 บาทต่อตัน
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้าน และนักวิชาการได้ออกมาเตือน พร้อมส่งสัญญาณให้รัฐบาลถอยนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าวทุกเม็ด ที่คาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสีย 1-3 แสนล้านบาท และจะกระทบการคลังในอนาคต
ด้านนายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เห็นว่านโยบายรับจำนำข้าวเปลือกเป็นนโยบายจนตรอกที่ทำขึ้นเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่โครงการนั้นมีจำนวนมาก และขณะนี้รัฐบาลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับนโยบายนี้
นายนิพนธ์ประเมินว่า ผลการดำเนินโครงการจำนำข้าวตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาทำให้ปริมาณข้าวเปลือกครึ่งหนึ่งของประเทศตกอยู่ในมือรัฐบาล และยังไม่มีการระบายข้าวออกไป ปัญหาที่จะตามมาคือ รัฐบาลจะไม่มีโกดังเก็บข้าวที่จะจำนำล็อตใหม่ ซึ่งได้ข่าวว่าขณะนี้ภาคเอกชนได้ลงทุนสร้างโกดังไว้รองรับแล้ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะขาดเงินในการเปิดรับจำนำรอบใหม่
"ถ้าเปิดจำนำรอบใหม่ รัฐบาลไม่มีโกดังเก็บข้าวต่อไป เราจะเหมือนประเทศอินเดียที่เอาข้าวมากองไว้เต็ม แต่ถ้ารัฐบาลจะระบายข้าว ราคาข้าวก็ต้องตกลงแน่ ไม่มีทางขายได้ราคา ขณะนี้ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังวิ่งเต้นเพื่อขายข้าวแต่ไม่มีใครซื้อ ฉะนั้น รัฐบาลกำลังมีปัญหาที่เรียกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับนโยบายนี้" เขากล่าว
ดังนั้น ถ้ามีชาวนาเพียง 1 ล้านคนที่เข้าโครงการนี้ ก็เท่ากับว่ามีเพียงชาวนา 1 ล้านคนที่มีผลผลิตส่วนเกินซึ่งเป็นชาวนาที่ร่ำรวยเข้าโครงการนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าชาวนาที่เข้าโครงการจะได้รับจำนำในราคา 15,000 บาทต่อตัน
ขณะเดียวกัน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นห่วงวินัยทางการเงินการคลังของรัฐบาลจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต ซึ่งตรงกับความเป็นห่วงของวิทยากรผู้ร่วมสัมมนาด้วย เนื่องจากตอนนี้เริ่มเห็นการหมกหนี้ของรัฐบาลไว้ตามที่ต่างๆ และมีความเป็นห่วงในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะมีแนวโน้มจะขาดทุนมหาศาลจากรัฐบาลรับจำนำข้าวทั้งหมด 15 ล้านเกวียน ซึ่งทำท่าว่ารัฐบาลจะขายไม่ออก ขณะที่คุณภาพข้าวเริ่มเสื่อม
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงในแง่ของราคาข้าว เมื่อเอาข้าวมาอยู่ในมือเราทั้งหมดแล้ว ราคาข้าวโลกจะสูงขึ้น ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง เพราะปริมาณการค้าข้าว นำเข้าส่งออกมีเพียง 30 ล้านตัน แต่ขณะที่ปริมาณการผลิตข้าวของโลกมีสูงถึง 400 ล้านตัน เมื่อมีการแข่งขันสูงจะยิ่งทำให้ราคาต่ำลงไปอีก
ดังนั้น เมื่อรัฐบาลรับซื้อข้าวมาและต้องขายในราคาที่ไม่ขึ้น เห็นผลขาดทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาลถึงแสนล้านบาท หากรัฐบาลยอมรับผลขาดทุนได้ถึงแสนล้านบาทแล้ว หากปล่อยให้ยอมรับผลขาดทุนต่อไปเป็นหลัก 2-3 แสนล้านบาท โดยส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลไม่มีวินัยทางการเงินการคลัง และจะก่อหนี้ในระยะยาวจนเกิดปัญหาอีก 10-15 ปีข้างหน้าได้