การบริหารประเทศของรัฐบาลในรอบ 1 ปี ในมุมมองของ นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ มองว่า ผลการทำงานยังไม่น่าพอใจ เพื่อรัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาทางการเมืองมากกว่าปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ขาดการดำเนินนโยบายกำหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจระยะยาว และมีแต่โครงการประชานิยม ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล แต่ไม่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้อุตสาหกรรมที่เป็นห่วงโซ่อุปทานการผลิตของโลก และเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศอ่อนแอลง หลังดำเนินนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างวันละ 300 บาท
แม้ทีดีอาร์ไอสนับสนุนรัฐบาลในหลักการกระจายรายได้ และความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน แต่ไม่ควรดำเนินนโยบายในลักษณะบังคับเช่นนี้ ทั้งนี้การมุ่งดำเนินนโยบายประชานิยม ทำให้รัฐบาลพยายามใช้แหล่งเงินนอกงบประมาณ สะท้อนถึงการขาดความรับผิดชอบ ธรรมาภิบาล และนำประเทศไปสู่จุดเสี่ยงไม่ต่างจากกรีซ
นายนิพนธ์ยังเสนอให้ รัฐบาลยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โครงการบ้านหลังแรก และรถยนต์คันแรก เพื่อบรรเทาภาระการคลัง และเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือการคลัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะยืนกรานดำเนินนโยบายดังกล่าว ควรเปิดเผยผลการดำเนินงาน และแหล่งเงินทุนที่ใช้ดำเนินโครงการอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริง และเป็นข้อมูลตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
แม้ทีดีอาร์ไอสนับสนุนรัฐบาลในหลักการกระจายรายได้ และความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน แต่ไม่ควรดำเนินนโยบายในลักษณะบังคับเช่นนี้ ทั้งนี้การมุ่งดำเนินนโยบายประชานิยม ทำให้รัฐบาลพยายามใช้แหล่งเงินนอกงบประมาณ สะท้อนถึงการขาดความรับผิดชอบ ธรรมาภิบาล และนำประเทศไปสู่จุดเสี่ยงไม่ต่างจากกรีซ
นายนิพนธ์ยังเสนอให้ รัฐบาลยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โครงการบ้านหลังแรก และรถยนต์คันแรก เพื่อบรรเทาภาระการคลัง และเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือการคลัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะยืนกรานดำเนินนโยบายดังกล่าว ควรเปิดเผยผลการดำเนินงาน และแหล่งเงินทุนที่ใช้ดำเนินโครงการอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริง และเป็นข้อมูลตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป