ASTVผู้จัดการรายวัน - หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องรัฐบาลทบทวนนโยบายจำนำข้าว-มันสำปะหลัง หลังผู้บริหาร ธ.ก.ส.เผยรัฐขาดทุน 1 แสนล้านบาท แปลกใจ “บุญทรง” ยังเดินหน้า กังวลนายกฯ เปิดตัว “บัตรเครดิตเกษตรกร” ส่งเสริมประชาชนเป็นหนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ระบุถึงการจำนำข้าวและมันสำปะหลังทำให้รัฐขาดทุนไปแล้วถึง 1 แสนล้านบาทว่า ตนเข้าใจว่าการช่วยเกษตรกรจะทำให้เกิดภาระทางการเงิน โดยเฉพาะการขาดทุน แต่การขาดทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 1 ปี ถ้าเทียบกับโครงการประกันรายได้ซึ่งช่วยเกษตรได้มากกว่าโครงการจำนำถึง 3 เท่า แต่ใช้เงินเพียงครึ่งหนึ่งของโครงการจำนำเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่อการบริหารสต๊อกข้าว และผลกระทบต่อตลาดค้าข้าว ศักยภาพข้าวไทยในการแข่งขัน รวมถึงการทุจริตด้วย
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลต้องทบทวนนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่สร้างภาระให้ธนาคารของรัฐที่ถึงกับพูดแล้วว่าจะเกิดปัญหา อีกทั้งโครงการนี้ยังมีเรื่องทุจริตร้องเรียนจำนวนมาก ผู้ส่งออกข้าวก็ยืนยันว่าเป็นการทำลายอนาคตส่งออกข้าวไทย จึงไม่มีเหตุผลที่จะทบทวนเรื่องนี้ เพราะหากรัฐบาลยังเดินหน้านโยบายดังกล่าวจนครบวาระ 4 ปี จะสร้างภาระการเงินการคลังต่อประเทศจำนวนมาก โดยภาระจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะเกิดปัญหาสะสม เกิดความยากลำบากในการบริหารสต๊อกของรัฐบาลที่จะกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่เอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบการค้าข้าวไทย สุดท้ายปัญหาจะย้อนกลับมาที่เกษตรกร เพราะหากข้าวไทยมีปัญหาในการส่งออก เกษตรกรก็จะมีปัญหามากขึ้นในการขายข้าว นอกจากนี้ ภาระทางการเงินจะส่งผลต่อหนี้สาธารณะให้ขึ้นไปอย่างน้อยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีโอกาสที่หนี้สาธารณะจะทะลุ 60 เปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ตามที่ทีดีอาร์ไอเคยวิเคราะห์
นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า รัฐบาลต้องทบทวนในเรื่องนี้ เพราะคนที่ออกมาท้วงติงไม่มีใครขัดขวางการกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่มีรูปแบบที่สามารถช่วยเหลือได้ในหลายทาง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อ จึงต้องถามว่าเพราะอะไรในเมื่อมีความเสียหายหลายด้าน นอกจากนี้ การที่นายกฯ ไปเปิดโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรที่ขณะนี้ยังมีความสับสน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยส่งเสริมให้ประชาชนมีหนี้สินมากขึ้น ตนเห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสินเชื่อผ่านกลไก ธ.ก.ส. สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดค่านิยมให้ประชาชนสะสมหนี้สิน จึงอยากให้ระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาหลายประเทศที่เกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเดินหน้าประชานิยมจนกลายเป็นวิกฤตหนี้
“อยากให้รัฐบาลเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วย แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลมองแต่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ทำนโยบายถูกใจประชาชน หวือหวาในระยะสั้น เพื่อส่งผลต่อคะแนนนิยมในทางบวก แต่สิ่งที่ทำอยู่กำลังทำให้เกิดปัญหาต่อประชาชนและบ้านเมืองในอนาคต จึงอยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้ หากไม่ทบทวนก็มีตัวอย่างจากหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งนอกจากจะเกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจยังเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้ง ซึ่งการเมืองก็ได้รับผลกระทบด้วย จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนจริงๆ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ระบุถึงการจำนำข้าวและมันสำปะหลังทำให้รัฐขาดทุนไปแล้วถึง 1 แสนล้านบาทว่า ตนเข้าใจว่าการช่วยเกษตรกรจะทำให้เกิดภาระทางการเงิน โดยเฉพาะการขาดทุน แต่การขาดทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 1 ปี ถ้าเทียบกับโครงการประกันรายได้ซึ่งช่วยเกษตรได้มากกว่าโครงการจำนำถึง 3 เท่า แต่ใช้เงินเพียงครึ่งหนึ่งของโครงการจำนำเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่อการบริหารสต๊อกข้าว และผลกระทบต่อตลาดค้าข้าว ศักยภาพข้าวไทยในการแข่งขัน รวมถึงการทุจริตด้วย
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลต้องทบทวนนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่สร้างภาระให้ธนาคารของรัฐที่ถึงกับพูดแล้วว่าจะเกิดปัญหา อีกทั้งโครงการนี้ยังมีเรื่องทุจริตร้องเรียนจำนวนมาก ผู้ส่งออกข้าวก็ยืนยันว่าเป็นการทำลายอนาคตส่งออกข้าวไทย จึงไม่มีเหตุผลที่จะทบทวนเรื่องนี้ เพราะหากรัฐบาลยังเดินหน้านโยบายดังกล่าวจนครบวาระ 4 ปี จะสร้างภาระการเงินการคลังต่อประเทศจำนวนมาก โดยภาระจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะเกิดปัญหาสะสม เกิดความยากลำบากในการบริหารสต๊อกของรัฐบาลที่จะกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่เอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบการค้าข้าวไทย สุดท้ายปัญหาจะย้อนกลับมาที่เกษตรกร เพราะหากข้าวไทยมีปัญหาในการส่งออก เกษตรกรก็จะมีปัญหามากขึ้นในการขายข้าว นอกจากนี้ ภาระทางการเงินจะส่งผลต่อหนี้สาธารณะให้ขึ้นไปอย่างน้อยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีโอกาสที่หนี้สาธารณะจะทะลุ 60 เปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ตามที่ทีดีอาร์ไอเคยวิเคราะห์
นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า รัฐบาลต้องทบทวนในเรื่องนี้ เพราะคนที่ออกมาท้วงติงไม่มีใครขัดขวางการกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่มีรูปแบบที่สามารถช่วยเหลือได้ในหลายทาง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อ จึงต้องถามว่าเพราะอะไรในเมื่อมีความเสียหายหลายด้าน นอกจากนี้ การที่นายกฯ ไปเปิดโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรที่ขณะนี้ยังมีความสับสน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยส่งเสริมให้ประชาชนมีหนี้สินมากขึ้น ตนเห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสินเชื่อผ่านกลไก ธ.ก.ส. สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดค่านิยมให้ประชาชนสะสมหนี้สิน จึงอยากให้ระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาหลายประเทศที่เกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเดินหน้าประชานิยมจนกลายเป็นวิกฤตหนี้
“อยากให้รัฐบาลเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วย แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลมองแต่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ทำนโยบายถูกใจประชาชน หวือหวาในระยะสั้น เพื่อส่งผลต่อคะแนนนิยมในทางบวก แต่สิ่งที่ทำอยู่กำลังทำให้เกิดปัญหาต่อประชาชนและบ้านเมืองในอนาคต จึงอยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้ หากไม่ทบทวนก็มีตัวอย่างจากหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งนอกจากจะเกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจยังเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้ง ซึ่งการเมืองก็ได้รับผลกระทบด้วย จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนจริงๆ” นายอภิสิทธิ์กล่าว