อสังหาฯ ภูเก็ตจ่อฟื้น หลังความต้องการวิลลา-คอนโดฯ สูงขึ้น ชี้นักลงทุนยุโรปรอจังหวะกลับมาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ “ไนท์แฟรงค์” เผยตัวเลขซัปพลายคอนโดฯ สะสม6,094หน่วย ส่วนวิลลามีอยู่1,880หน่วย
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัย หรือบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยกลุ่มลูกค้าชาวรัสเซีย และสิงคโปร์กำลังให้ความสนใจในการซื้อบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีชาวต่างชาติเข้าซื้อโครงการวิลลา ซาว่า จำนวน 3 หน่วยสุดท้าย จาก 7 หน่วย ระดับราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อหน่วย
นางสาวริษิณีกล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างให้ความสนใจและอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการบนเกาะภูเก็ตที่มีอีกเป็นจำนวนมาก เช่น โครงการโบ๊ท อเวนิว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงทะเลปากทางเข้าลากูนา เป็นโครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วย คอมมูนิตีมอลล์ คอนโดมิเนียม และวิลลา นอกจากนี้ บริเวณหาดบางเทายังมีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ทำการพัฒนาโดยบริษัท คาจิมา บริเวณหาดป่าตอง มีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยอย่างน้อย 2 โครงการ โครงการแรกได้แก่ โครงการของกลุ่มอมารี ซึ่งจะเปิดขายคอนโดมิเนียมจำนวน 190 หน่วย บริเวณหาดป่าตอง นอกจากนี้บริเวณอ่าวเอมเมอรัลด์ในป่าตองยังมีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยของชาวต่างชาติอีกด้วย และในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการวิลลาระดับซูเปอร์อัลตราบริเวณหาดนาใต้ ซึ่งอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะภูเก็ต บริเวณนี้เป็นบริเวณชายหาดที่มีความเป็นส่วนตัว มีความสงบเหมาะสำหรับเป็นที่พักอาศัยระดับบน
ทั้งนี้ ตัวเลขจากฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ไนท์แฟรงค์ฯ ยังแสดงให้เห็นว่าจำนวนซัปพลายคอนโดฯ เปิดขายในภูเก็ตมีจำนวนหน่วยสะสมราว 6,094 หน่วย ซึ่งหน่วยที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้มีราว 493 หน่วย จากจำนวน 8 โครงการ ส่วนจำนวนหน่วยวิลลาที่เปิดขายในภูเก็ตมีจำนวนอุปทานสะสมที่ราว 1,880 หน่วย เป็นหน่วยที่เปิดขายในไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2555 ราว 108 หน่วย จากโครงการวิลลา 5 โครงการ
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทไนท์แฟรงค์ได้ทำการปรับลดตัวเลขของอุปทานสะสมวิลลาออกราว 111 หน่วย ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนหน่วยดังกล่าวมิได้มีการพัฒนาเพื่อเป็นวิลลาขาย ซึ่งบางโครงการอาจทำการปรับปรุงเพื่อเป็นโรงแรม หรือบางโครงการอาจหยุดโครงการ และหยุดขาย
นางสาวริษิณีกล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวสิงคโปร์สนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ต เนื่องจากภาวะอสังหาฯสิงคโปร์ที่ค่อนข้างชะลอตัว ทำให้นักลงทุนจากสิงคโปร์หันมาซื้อบ้านพักตากอากาศซึ่งตั้งอยู่ใกล้ประเทศ อย่างไรก็ดี นักลงทุนจากสิงคโปร์มักให้ความสนใจซื้อวิลลาในระดับราคาที่ต่ำมากกว่าครึ่งของราคาที่พักอาศัยที่เทียบเท่ากันในสิงคโปร์ ระดับราคาที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสนใจอยู่ในช่วง 7 ล้าน ถึง 12 ล้านบาท อีกทั้งผู้ซื้อให้ความสำคัญต่อโครงการที่มีผลตอบแทนในการเช่า
“โครงการไสยวน เอสเตท ที่ตั้งอยู่บริเวณไนหาน ซึ่งเปิดขายในไตรมาสที่ 4 พ.ศ. 2554 มียอดขาย 20 หน่วย จากจำนวน 26 หน่วย ในระยะเวลาเพียง 6 เดือนนับจากวันที่เปิดขาย ซึ่งระดับราคาขายอยู่ที่ 8-12 ล้านบาท อีกทั้งชาวรัสเซียคือกลุ่มลูกค้าใหม่ซี่งมีเป็นจำนวนมาก ได้ซื้อวิลลาของโครงการ และชาวรัสเซียนิยมเลือกซื้อวิลลา 2 ห้องนอนที่มีรูปแบบการตกแต่งแบบสมัยใหม่
นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ที่น่าสนใจ คือ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ซึ่งได้ทำการเปิดขายในเฟสที่ 3 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ระดับราคาขายต่อหน่วยเริ่มต้นที่ 4.9 ล้านบาท และราคาสูงสุดไม่เกิน 9 ล้านบาท”
นอกจากนี้ ผลการวิจัยพบว่า ระดับราคาขายวิลลาที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ เริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท และระดับราคาขายสูงไปถึงราว 300 ล้านบาทต่อหน่วย ในขณะที่คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในภูเก็ตมีระดับราคาขายต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อ หน่วย