ASTVผู้จัดการรายวัน - กะตะกรุ๊ป ชิงลงทุน ก่อนเปิด เออีซี ทุ่ม 2.4 พันล้านบาท ผุดแบรนด์ “บียอน รีสอร์ท” ระดับ 4-4.5 ดาว ขยายฐานลูกค้ารองรับ นักท่องเที่ยว ตลาดไฮเอนด์ ประเดิม 2 พื้นที่ เขาหลัก-กระบี่ ชูจุดขายเครือข่ายแข็งแกร่ง มีความหลากหลาย ให้ลูกค้าเลือกพักผ่อน
นายปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร เครือบริษัท กะตะ กรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย เปิดเผยว่า ใช้เงินลงทุน กว่า 2,400 ล้านบาท เปิดโรงแรม เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ เขาหลัก จ.พังงา และ ที่ กระบี่ ภายใต้แบรนด์ “บียอน รีสอร์ท” เป็นรีสอร์ท ระดับ 4-4.5 ดาว เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ จากเดิม ซึ่งแบรนด์ กะตะ จะอยู่ที่ระดับ
ต่ำกว่า 3.5- 4 ดาว เริ่มให้บริการ ตั้งแต่ เดือนธันวาคม 54 ด้วยอัตราเข้าพักเฉลี่ยเดือนละ กว่า 50% ทั้ง สองแห่ง ถือว่าประสบความสำเร็จสูง และยังมีนักท่องเที่ยวสนใจจองล่วงหน้าอีกจำนวนมาก คาดคุ้มทุนใน 18 ปี
“แบรนด์ บียอน รีสอร์ท จะมี คาเรกเตอร์ ที่ต่างจาก แบรนด์ กะตะ โดยจะเน้น ความเป็นธรรมชาติ และ ความเป็นส่วนตัว ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่ต้องการ หนีความวุ่นวาย จากภูเก็ต และยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ให้แก่ลูกค้า ที่พำนักนาน 1-3 เดือน ได้ปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ความหลากหลาย ของ โรงแรม ในเครือกะตะ ซึ่ง ถึงขณะนี้ มีอยู่รวม 6 แห่ง ในภูเก็ต สมุย เขาหลัก และ กระบี่
นอกจากนั้น ยัง สามารถรองรับลูกค้า ที่ โรงแรมกะตะ ในภูเก็ต รับไม่ไหวแล้ว ผองถ่ายมาพัก ที่พังงา และ กระบี่ได้ ซึ่งตรงนี้ ถือเป็นจุดขาย จุดแข็งสำคัญของบริษัท ”
ทั้งนี้ โรงแรมทั้งสองแห่งดังกล่าว มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ต่างกัน กล่าวคือ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จ. พังงา ลงทุน 1,100 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นพูลวิลล่า 153 หลัง เน้น ลูกค้ากลุ่มฮันนีมูน คู่หนุ่มสาว หากมีลูกมาด้วยลูกจะต้องอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป รวมถึง นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ที่ชอบเดินทางมาในฤดูฝน ซึ่งจะเน้นให้ความเป็นส่วนของแก่แขกผู้เข้าพักมากที่สุด
นอกจากนั้น ที่แห่งนี้ยังเปิดรับจัดงานเลี้ยงแต่งงานชายหาด ซึ่ง เอเยน ที่เป็นคู่ค้าของ กรุ๊ป ก็พึงพอใจ เนื่องจากโรงแรมที่เจาะลูกค้าแบบนี้ เริ่มมีให้เห็นแล้วในต่างประเทศ ส่วน ที่ บียอน รีสอร์ท จ.กระบี่ ลงทุน ซื้อโรงแรมเก่ามาปรับปรุง รวมใชบ้เงินทั้งสิ้นกว่า 1,300 ล้านบาท มีห้องพีก และรีสอร์ทรวม 171 ห้อง ส่งผลให้ โรงแรม ของ กะตะกรุ๊ป ปัจจุบัน มีรวมกันทั้งหมด
กว่า 1,000 ห้อง ใน 6 โลเกชั่น และ อีก 2-3 ปี จะ ขยายเฟส 2 ที่ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก รวมถึง ที่ ภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินเปล่าอยู่ โดยการลงทุนของ กะตะ กรุ๊ป เบื้องต้นยังเน้น 7 จังหวัด ท่องเที่ยวภาคใต้ เท่านั้น
นายปมุข กล่าวว่า เหตุที่ตัดสินใจ ลงทุนครั้งใหญ่นี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมพร้อมรองรับ การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งมั่นใจว่า ถึงเวลานั้นจะมีกลุ่มทุน เข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นทุนกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะ การลงทุน ด้านโรงแรมที่พัก ซึ่งจะส่งผลให้ ราคาที่ดิน แพงกว่าปัจจุบัน เท่าตัว จากขณะนี้
หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ราคาไร่ละ 150 ล้านบาท อีกทั้ง มองว่าศักยภาพด้านท่องเที่ยวของภูเก็ต ยังเติบโตต่อเนื่อง และขยายวงกว้างไปยังจังหวัดใกล้เคียง ซึ่ง เขาหลักและกระบี่ เป็นทำเลศักยภาพ
การขยายสนามบินภูเก็ต ที่จะแล้วเสร็จในอีก 3 ปี จะทำให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ปีละ 12.5 ล้านคน ซึ่ง ตลอด 5 ปี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาลงยังสนามบินภูเก็ตเติบโตต่อเนื่อง ไม่ถูกกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากปี2553 จำนวน 7.5 ล้านคน ปี 54 จำนวน 8.4 ล้านคน ปีนี้ตั้งเป้าที่ 9.2 ล้านคน ทั้งที่สนามบินมีกำลังรองรับไดเพียง 5.5 ล้านคน
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูง คือ จีน และ ตะวันออกกลาง
นายปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร เครือบริษัท กะตะ กรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย เปิดเผยว่า ใช้เงินลงทุน กว่า 2,400 ล้านบาท เปิดโรงแรม เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ เขาหลัก จ.พังงา และ ที่ กระบี่ ภายใต้แบรนด์ “บียอน รีสอร์ท” เป็นรีสอร์ท ระดับ 4-4.5 ดาว เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ จากเดิม ซึ่งแบรนด์ กะตะ จะอยู่ที่ระดับ
ต่ำกว่า 3.5- 4 ดาว เริ่มให้บริการ ตั้งแต่ เดือนธันวาคม 54 ด้วยอัตราเข้าพักเฉลี่ยเดือนละ กว่า 50% ทั้ง สองแห่ง ถือว่าประสบความสำเร็จสูง และยังมีนักท่องเที่ยวสนใจจองล่วงหน้าอีกจำนวนมาก คาดคุ้มทุนใน 18 ปี
“แบรนด์ บียอน รีสอร์ท จะมี คาเรกเตอร์ ที่ต่างจาก แบรนด์ กะตะ โดยจะเน้น ความเป็นธรรมชาติ และ ความเป็นส่วนตัว ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่ต้องการ หนีความวุ่นวาย จากภูเก็ต และยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ให้แก่ลูกค้า ที่พำนักนาน 1-3 เดือน ได้ปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ความหลากหลาย ของ โรงแรม ในเครือกะตะ ซึ่ง ถึงขณะนี้ มีอยู่รวม 6 แห่ง ในภูเก็ต สมุย เขาหลัก และ กระบี่
นอกจากนั้น ยัง สามารถรองรับลูกค้า ที่ โรงแรมกะตะ ในภูเก็ต รับไม่ไหวแล้ว ผองถ่ายมาพัก ที่พังงา และ กระบี่ได้ ซึ่งตรงนี้ ถือเป็นจุดขาย จุดแข็งสำคัญของบริษัท ”
ทั้งนี้ โรงแรมทั้งสองแห่งดังกล่าว มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ต่างกัน กล่าวคือ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จ. พังงา ลงทุน 1,100 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นพูลวิลล่า 153 หลัง เน้น ลูกค้ากลุ่มฮันนีมูน คู่หนุ่มสาว หากมีลูกมาด้วยลูกจะต้องอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป รวมถึง นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ที่ชอบเดินทางมาในฤดูฝน ซึ่งจะเน้นให้ความเป็นส่วนของแก่แขกผู้เข้าพักมากที่สุด
นอกจากนั้น ที่แห่งนี้ยังเปิดรับจัดงานเลี้ยงแต่งงานชายหาด ซึ่ง เอเยน ที่เป็นคู่ค้าของ กรุ๊ป ก็พึงพอใจ เนื่องจากโรงแรมที่เจาะลูกค้าแบบนี้ เริ่มมีให้เห็นแล้วในต่างประเทศ ส่วน ที่ บียอน รีสอร์ท จ.กระบี่ ลงทุน ซื้อโรงแรมเก่ามาปรับปรุง รวมใชบ้เงินทั้งสิ้นกว่า 1,300 ล้านบาท มีห้องพีก และรีสอร์ทรวม 171 ห้อง ส่งผลให้ โรงแรม ของ กะตะกรุ๊ป ปัจจุบัน มีรวมกันทั้งหมด
กว่า 1,000 ห้อง ใน 6 โลเกชั่น และ อีก 2-3 ปี จะ ขยายเฟส 2 ที่ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก รวมถึง ที่ ภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินเปล่าอยู่ โดยการลงทุนของ กะตะ กรุ๊ป เบื้องต้นยังเน้น 7 จังหวัด ท่องเที่ยวภาคใต้ เท่านั้น
นายปมุข กล่าวว่า เหตุที่ตัดสินใจ ลงทุนครั้งใหญ่นี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมพร้อมรองรับ การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งมั่นใจว่า ถึงเวลานั้นจะมีกลุ่มทุน เข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นทุนกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะ การลงทุน ด้านโรงแรมที่พัก ซึ่งจะส่งผลให้ ราคาที่ดิน แพงกว่าปัจจุบัน เท่าตัว จากขณะนี้
หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ราคาไร่ละ 150 ล้านบาท อีกทั้ง มองว่าศักยภาพด้านท่องเที่ยวของภูเก็ต ยังเติบโตต่อเนื่อง และขยายวงกว้างไปยังจังหวัดใกล้เคียง ซึ่ง เขาหลักและกระบี่ เป็นทำเลศักยภาพ
การขยายสนามบินภูเก็ต ที่จะแล้วเสร็จในอีก 3 ปี จะทำให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ปีละ 12.5 ล้านคน ซึ่ง ตลอด 5 ปี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาลงยังสนามบินภูเก็ตเติบโตต่อเนื่อง ไม่ถูกกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากปี2553 จำนวน 7.5 ล้านคน ปี 54 จำนวน 8.4 ล้านคน ปีนี้ตั้งเป้าที่ 9.2 ล้านคน ทั้งที่สนามบินมีกำลังรองรับไดเพียง 5.5 ล้านคน
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูง คือ จีน และ ตะวันออกกลาง
