xs
xsm
sm
md
lg

“บุญทรง” ยันจำนำข้าวนาปรัง 1 มี.ค.นี้ เมินข้าวถุงขึ้นราคา-เล็งเปิดขายสต๊อกรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.พาณิชย์ แจงผลหารือร่วม ส.โรงสี-ส่งออก เพื่อดูแลปัญหาตลาดข้าวปี 55 เน้นด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ ลั่นเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง 1 มี.ค.นี้ การันตีราคาไม่ต่ำกว่าเดิม ยันไม่สนข้าวถุงขึ้นราคา พร้อมนำข้าวสต๊อกรัฐเปิดขาย พร้อมระบุ การเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ มุ่งดูแลปัญหาค่าครองชีพ ไม่ยอมไห้สินค้าปรับขึ้นราคาแน่ เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อน

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการหารือร่วมกับสมาคมโรงสีข้าว และบริษัทผู้ส่งออกข้าว เกี่ยวกับนโยบายดูแลข้าวในปี 2555 โดยระบุว่า ตนเองได้ขอความร่วมมือเอกชนทำงานร่วมกับภาครัฐ ในการผลักดันราคาข้าว และเพิ่มมูลค่าให้กับราคาข้าวไทย โดยไม่เน้นการส่งออกข้าวในเชิงปริมาณ แต่จะเน้นการเพิ่มมูลค่า

ส่วนการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล จะดำเนินการด้วยความโปร่งใส และจะมีการระบายข้าวในสตอกรัฐบาลออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากการเก็บสต๊อกไว้เป็นเวลานาน จะเป็นภาระต่อรัฐบาล เพราะมีปริมาณข้าวใหม่เข้ามามาอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ฤดูการผลิตใหม่ต่อไปในวันที่ 1 มีนาคม 2555 นี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และดูแลราคาข้าวให้มีเสถียรภาพ ในเรื่องของการทำการตลาดจะแบ่งเกรดข้าวให้มีความหลากหลายมากขึ้น แทนที่จะมีมาตรฐานเดียวเพื่อจะสามารถกำหนดราคาให้แข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ โดยจะมีการบุกตลาดใหม่มากขึ้น เช่น แอฟริกา

“เรื่องนี้คงจะต้องขอหารือกับทางนายกรัฐมนตรีก่อน แต่ยืนยันว่า ราคาจะไม่ต่ำกว่าราคาข้าวที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ และจะรับจำนำข้าวทุกเม็ด เพราะรัฐบาลยังมีงบเหลืออยู่อีกไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท”

ทั้งนี้ รัฐบาลจะพยายามผลักดันราคาส่งออกให้เหมาะสมไม่ต่ำจนเกินไป ด้วยการให้ธนาคารการเกษตรเพื่อสหกรณ์การเกษตรและธนาคารของรัฐ เข้ามาช่วยเหลือผู้ส่งออกด้านการให้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน รวมทั้งจะใช้กลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามาเป็นเครื่องมือผลักดันสินค้าเกษตรด้วย

นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนออกไปแนะนำเอกชนในต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจว่า ข้าวไทยมีคุณภาพและแตกต่างจากประเทศคู่แข่งอย่างไร สำหรับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 ถึง 25 มกราคม 2555 พบว่า มีข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้ว 5.65 ล้านตัน ซึ่งเมื่อรวมกับสต๊อกข้าวเดิมที่รัฐบาลมีอยู่ประมาณ 2 ล้านตัน รวมกับโครงการจำนำข้าวนาปี จะทำให้รัฐบาลมีข้าวสารในสต๊อกมากกว่า 5 ล้านตัน

“ภาคเอกชนข้าวยังเห็นพ้องกับภาครัฐที่จะร่วมมือกันยกระดับราคาข้าวส่งออกไปตลาดต่างประเทศในทุกฤดูกาล โดยกระทรวงจะมีการจัดแบ่งเกรดข้าวให้มีมาตรฐานหลายระดับ เพื่อให้กำหนดราคาข้าวในตลาดได้หลากหลายมากขึ้น เชื่อว่า ราคาส่งออกข้าวไทยจะสูงกว่า 700 ดอลลาร์ต่อตัน ได้อย่างแน่นอน หากเกิดความร่วมมือกันหลายฝ่าย ส่วนการระบายสต๊อกข้าวจะใช้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) เป็นเครื่องมือชี้นำราคาข้าวในตลาด”

ส่วนกรณีข่าวที่ผู้ผลิตข้าวถุงที่อาจจะต้องมีการปรับขึ้นราคา 5-10% นั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้ปรับขึ้นราคา แต่รัฐบาลจะนำข้าวในสตอกออกมาขายเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนแทน

นายบุญทรง กล่าวว่า การเข้ามาทำงานในกระทรวงพาณิชย์ ตนจะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ประกาศไว้ให้ประสบความสำเร็จ เพราะนอกจากข้าวแล้วยังมีสินค้าเกษตรรายการอื่นที่ต้องดูแล ซึ่งหามีความจำเป็นต้องรับจำนำก็จะเร่งดำเนินการ และสิ่งที่สำคัญในการเข้ามาทำหน้าที่ในครั้งนี้ คือ การดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะให้สินค้าปรับขึ้นราคา ส่วนปัญหาไข่ไก่จะเรียกผู้ประกอบการทั้งระบบมาหารือในสัปดาห์ เพื่อปรับโครงสร้างทั้งระบบ

“ผมตั้งใจจะผลักดันนโยบายของรัฐบาลผ่านกระทรวงพาณิชย์ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการดูแลปากท้องของประชาชน ซึ่งในส่วนของการปรับขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชนนั้น ยืนยันว่า จะยังไม่อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาแน่นอน เพราะจะกระทบกับคนทั้งประเทศ ขณะเดียวกัน จะหาทางทำให้ผู้ประกอบการไม่เดือดร้อนจากภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย”

นายบุญทรง ยกตัวอย่างกรณีของไข่ไก่ ที่เกษตรกรขอให้ปรับขึ้นราคาแนะนำ โดยยืนยันว่า จะยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้น เพราะจะกระทบกับคนทั้งประเทศ แต่ในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตไข่ไก่ทั้งระบบมาหารือถึงต้นทุนการผลิต และแนวทางการแก้ปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งอาจมีการปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตใหม่ให้เหมาะสม

นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ กล่าวว่า หากรัฐไม่เดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว จะทำให้ราคาข้าวเปลือกไทยมีโอกาสลดลงเหลือตันละ 6,500-7,000 บาท ได้จากการที่อินเดียมีแผนจะส่งออกข้าวอีก 2-3 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวไทยและราคาตลาดโลกลดลง คาดว่า ราคาข้าวนึ่งจะลดลงต่ำกว่า 400 ดอลลาร์ต่อตัน

ด้าน นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงต่อโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 ซึ่งจะครบกำหนดโครงการสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 นี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมองว่า การรับจำนำยังมีความจำเป็น เพราะได้ช่วยเหลือเกษตรให้ได้ประโยชน์จากการขายข้าวในราคาดี

นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ได้ใช้เงินจำนวนมากถึง 400,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะข้าวเปลือกถูกน้ำท่วมทำให้ปริมาณลดดงจาก 25 ล้านตัน เหลือ 20 ล้านตัน จึงมีการนำข้าวเปลือกมาจำนำไม่มาก ส่วนการจะปรับราคารับจำนำลดลงหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เป็นผู้พิจารณา และต่อไปจะไม่เรียกการรับจำนำข้าวนาปรัง แต่จะเรียกว่าการปลูกข้าวนอกฤดู เพราะชาวบ้านปลูกข้าวหลายรอบ เพื่อให้การรับจำนำข้าวต่อเนื่องในการช่วยเหลือเกษตรกร
กำลังโหลดความคิดเห็น