ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดข้าวถุงเตรียมจ่อคิวปรับราคาขึ้นอีก 20-30 บาท ตามประกาศการปรับขึ้นราคาจากรัฐบาลในเดือนต.ค.นี้ “ข้าวธัญทิพย์” มั่นใจทำราคาถูกกว่าท้องตลาดได้ 10% เหตุมีช่องทางขายเองผ่านเดลิเวอรี่ มั่นใจสิ้นปีรายได้ทะลุ 200 ล้านบาทแน่
นายไพศาล ตันติพงศ์อนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ธัญทิพย์ อินเตอร์เทรด จำกัด ในเครือนานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจจำหน่ายข้าวถุง แบรนด์ “ธัญทิพย์” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดข้าวถุงในครึ่งปีหลังนี้ พบว่าช่วงนี้ข้าวเริ่มน้อยเพราะชาวนายังไม่ได้เก็บเกี่ยว และจะไปเก็บเกี่ยวเอาตอนช่วงเดือนต.ค.นี้ บวกกับปัญหาน้ำท่วมและจากการที่รัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ยิ่งทำให้โรงสีข้าวไม่ยอมปล่อยข้าวออกสู่ตลาด ทำให้ตลาดข้าวไม่นิ่ง ซึ่งทุกคนรอเวลาในเดือนต.ค.ทั้งหมด คาดว่าจะส่งผลให้ในช่วงนั้น ราคาข้าวถุงจะมีการปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 20-30 บาท ขณะที่ธัญทิพย์ ก็จะมีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน แต่มั่นใจจะยังเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดอยู่ราว 10%
อย่างไรก็ตาม สำหรับธัญทิพย์ ถือเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดข้าวถุงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการจำหน่ายผ่านเฉพาะช่องทางเดลิเวอรี่เท่านั้น ทางหมายเลข 02-969-0000 ที่ทางบริษัทสร้างขึ้นมาเพื่อจำหน่ายเฉพาะลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อเดือนมีการสั่งซื้อประจำอยู่ที่ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 15-20 ก.ก.ในกลุ่มลูกค้าตามบ้านทั่วไปที่เป็นกลุ่มแม่บ้านอายุตั้งแต่ 22-70 ปี และการสั่งซื้อขนาดถุงใหญ่สำหรับกลุ่มร้านขายข้าวอีกส่วนหนึ่งด้วย
“สาเหตุที่เลือกช่องทางขายผ่านเฉพาะเดลิเวอรี่ เนื่องจากพบว่าตลาดข้าวถุงมีการแข่งขันสูง โดยเพาะในช่องทางขายในโมเดิร์นเทรด จะมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักครองพื้นที่อยู่แล้ว บวกกับการถูกต่อรองด้านราคาจากทางโมเดิร์นเทรด ทำให้มองว่าช่องทางดังกล่าวไม่เหมาะกับผู้เล่นรายใหม่อย่างเรา ขณะที่เดลิเวอรี่นั้น มองว่าเป็นช่องทางขายใหม่ที่ยังไม่มีรายใดเข้ามาเล่นมากนัก จึงถือเป็นจุดแข็งขอธัญทิพย์ในการก้าวเข้ามารุกในตลาดข้าวถุงในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นช่องทางในการสร้างเน็ตเวิร์คการขายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งบริษัทยังสามารถนำสินค้าพันธมิตรมาร่วมจำหน่ายได้อีกไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ในกลุ่มสินค้าเครื่องปรุงเพื่อประกอบอาหาร ทำให้ปัจจุบันมีผู้รู้จักแบรนด์ข้าวถุงธัญทิพย์มากยิ่งขึ้น”
สำหรับแผนการทำตลาดปีนี้ บริษัทเตรียมงบไว้กว่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งการลดราคาสินค้า และโปรโมชั่นแถมทอง เชื่อว่าจะยังคงรักษาฐานสมาชิกกว่า 2หมื่นราย และเพิ่มฐานสมาชิกใหม่ได้ หรือภายในสิ้นปีนี้ คาดว่า ยอดขายจากข้าวถุงธัญทิพย์จะทำได้กว่า 200 ล้านบาท
จากรายได้รวมของเครือนานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะทำได้ถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ 80-90% มาจากการส่งออกสินค้าทางการเกษตรเป็นหลัก ทั้ง ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด และข้าวสาร เป็นต้น
นายไพศาล ตันติพงศ์อนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ธัญทิพย์ อินเตอร์เทรด จำกัด ในเครือนานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจจำหน่ายข้าวถุง แบรนด์ “ธัญทิพย์” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดข้าวถุงในครึ่งปีหลังนี้ พบว่าช่วงนี้ข้าวเริ่มน้อยเพราะชาวนายังไม่ได้เก็บเกี่ยว และจะไปเก็บเกี่ยวเอาตอนช่วงเดือนต.ค.นี้ บวกกับปัญหาน้ำท่วมและจากการที่รัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ยิ่งทำให้โรงสีข้าวไม่ยอมปล่อยข้าวออกสู่ตลาด ทำให้ตลาดข้าวไม่นิ่ง ซึ่งทุกคนรอเวลาในเดือนต.ค.ทั้งหมด คาดว่าจะส่งผลให้ในช่วงนั้น ราคาข้าวถุงจะมีการปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 20-30 บาท ขณะที่ธัญทิพย์ ก็จะมีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน แต่มั่นใจจะยังเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดอยู่ราว 10%
อย่างไรก็ตาม สำหรับธัญทิพย์ ถือเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดข้าวถุงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการจำหน่ายผ่านเฉพาะช่องทางเดลิเวอรี่เท่านั้น ทางหมายเลข 02-969-0000 ที่ทางบริษัทสร้างขึ้นมาเพื่อจำหน่ายเฉพาะลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อเดือนมีการสั่งซื้อประจำอยู่ที่ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 15-20 ก.ก.ในกลุ่มลูกค้าตามบ้านทั่วไปที่เป็นกลุ่มแม่บ้านอายุตั้งแต่ 22-70 ปี และการสั่งซื้อขนาดถุงใหญ่สำหรับกลุ่มร้านขายข้าวอีกส่วนหนึ่งด้วย
“สาเหตุที่เลือกช่องทางขายผ่านเฉพาะเดลิเวอรี่ เนื่องจากพบว่าตลาดข้าวถุงมีการแข่งขันสูง โดยเพาะในช่องทางขายในโมเดิร์นเทรด จะมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักครองพื้นที่อยู่แล้ว บวกกับการถูกต่อรองด้านราคาจากทางโมเดิร์นเทรด ทำให้มองว่าช่องทางดังกล่าวไม่เหมาะกับผู้เล่นรายใหม่อย่างเรา ขณะที่เดลิเวอรี่นั้น มองว่าเป็นช่องทางขายใหม่ที่ยังไม่มีรายใดเข้ามาเล่นมากนัก จึงถือเป็นจุดแข็งขอธัญทิพย์ในการก้าวเข้ามารุกในตลาดข้าวถุงในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นช่องทางในการสร้างเน็ตเวิร์คการขายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งบริษัทยังสามารถนำสินค้าพันธมิตรมาร่วมจำหน่ายได้อีกไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ในกลุ่มสินค้าเครื่องปรุงเพื่อประกอบอาหาร ทำให้ปัจจุบันมีผู้รู้จักแบรนด์ข้าวถุงธัญทิพย์มากยิ่งขึ้น”
สำหรับแผนการทำตลาดปีนี้ บริษัทเตรียมงบไว้กว่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งการลดราคาสินค้า และโปรโมชั่นแถมทอง เชื่อว่าจะยังคงรักษาฐานสมาชิกกว่า 2หมื่นราย และเพิ่มฐานสมาชิกใหม่ได้ หรือภายในสิ้นปีนี้ คาดว่า ยอดขายจากข้าวถุงธัญทิพย์จะทำได้กว่า 200 ล้านบาท
จากรายได้รวมของเครือนานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะทำได้ถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ 80-90% มาจากการส่งออกสินค้าทางการเกษตรเป็นหลัก ทั้ง ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด และข้าวสาร เป็นต้น