ASTVผู้จัดการรายวัน - "บุญทรง" เริ่มงานแรก นัดโรงสี ผู้ส่งออก ประเมินรับจำนำข้าว 27 ม.ค.นี้ พร้อมหารือดันราคาข้าวไทยในตลาดโลก จับตาระบายสต๊อกหลังเหลือบานกว่า 5 ล้านตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 27 ม.ค.2555 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์ และในวันเดียวกันนี้ จะเรียกประชุมตัวแทนโรงสีและผู้ส่งออกข้าว เพื่อประเมินผลโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ที่เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2554 ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนรวมทั้งการหารือถึงการผลักดันราคาข้าวไทยในตลาดโลก
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลสรุปที่ได้ จะนำมาพิจารณา ในการกำหนดแนวทางสำหรับโครงการรับจำนำข้าวครั้งต่อไป เพราะโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี 2554/55 จะสิ้นสุดในปลายเดือนก.พ.นี้ ซึ่งอาจมีการต่อโครงการรับจำนำข้าวนาปีออกไป หรืออาจกำหนดเป็นโครงการใหม่ภายใต้การรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555
ส่วนราคารับจำนำข้าว เป็นไปได้ทั้งเพิ่ม และลด หรือกำหนดราคาข้าวเท่าเดิมขึ้นอยู่ กับความสำเร็จของโครงการ แต่เบื้องต้นการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีช่วยผลักดันราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้นอย่างน้อย 20-30% และจะนำรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อพิจารณาแนวทางต่อไป ส่วนการผลักดันราคาข้าวในตลาดโลก นายบุญทรงจะขอความร่วมมือให้โรงสีและผู้ส่งออกทำงานร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันราคาข้าวไทย และเพิ่มมูลค่าให้แก่ข้าวไทย โดยไม่เน้นการเพิ่ม ปริมาณการส่งออก ส่วนการระบายข้าวสารใน สต๊อกรัฐบาล จะต้องรอนโยบายจากนายบุญทรง ก่อน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2554 ถึง 25 ม.ค.2555 พบว่ามีข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้ว 5.65 ล้านตัน โดยภูมิภาคที่มีเกษตรกรมีการนำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำมากสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.40 ล้านตัน รองลงมา ภาคเหนือ 1.98 ล้านตัน ภาคกลาง 1.26 ล้านตัน และภาคใต้ 23 ตัน เบื้องต้นใช้งบประมาณในการรับจำนำข้าวแล้วประมาณ 8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับสต๊อกข้าวเดิมที่ รัฐบาลมีอยู่ประมาณ 2 ล้านตัน บวกกับข้าว ที่ได้จากโครงการจำนำนาปี จะทำให้รัฐบาล มีข้าวสารในสต๊อกมากกว่า 5 ล้านตัน และคาดว่ารัฐบาลจะต้องเร่งระบายสต๊อกข้าวออกใน เร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 27 ม.ค.2555 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์ และในวันเดียวกันนี้ จะเรียกประชุมตัวแทนโรงสีและผู้ส่งออกข้าว เพื่อประเมินผลโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ที่เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2554 ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนรวมทั้งการหารือถึงการผลักดันราคาข้าวไทยในตลาดโลก
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลสรุปที่ได้ จะนำมาพิจารณา ในการกำหนดแนวทางสำหรับโครงการรับจำนำข้าวครั้งต่อไป เพราะโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี 2554/55 จะสิ้นสุดในปลายเดือนก.พ.นี้ ซึ่งอาจมีการต่อโครงการรับจำนำข้าวนาปีออกไป หรืออาจกำหนดเป็นโครงการใหม่ภายใต้การรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555
ส่วนราคารับจำนำข้าว เป็นไปได้ทั้งเพิ่ม และลด หรือกำหนดราคาข้าวเท่าเดิมขึ้นอยู่ กับความสำเร็จของโครงการ แต่เบื้องต้นการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีช่วยผลักดันราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้นอย่างน้อย 20-30% และจะนำรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อพิจารณาแนวทางต่อไป ส่วนการผลักดันราคาข้าวในตลาดโลก นายบุญทรงจะขอความร่วมมือให้โรงสีและผู้ส่งออกทำงานร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันราคาข้าวไทย และเพิ่มมูลค่าให้แก่ข้าวไทย โดยไม่เน้นการเพิ่ม ปริมาณการส่งออก ส่วนการระบายข้าวสารใน สต๊อกรัฐบาล จะต้องรอนโยบายจากนายบุญทรง ก่อน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2554 ถึง 25 ม.ค.2555 พบว่ามีข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้ว 5.65 ล้านตัน โดยภูมิภาคที่มีเกษตรกรมีการนำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำมากสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.40 ล้านตัน รองลงมา ภาคเหนือ 1.98 ล้านตัน ภาคกลาง 1.26 ล้านตัน และภาคใต้ 23 ตัน เบื้องต้นใช้งบประมาณในการรับจำนำข้าวแล้วประมาณ 8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับสต๊อกข้าวเดิมที่ รัฐบาลมีอยู่ประมาณ 2 ล้านตัน บวกกับข้าว ที่ได้จากโครงการจำนำนาปี จะทำให้รัฐบาล มีข้าวสารในสต๊อกมากกว่า 5 ล้านตัน และคาดว่ารัฐบาลจะต้องเร่งระบายสต๊อกข้าวออกใน เร็วๆ นี้