xs
xsm
sm
md
lg

จีดีพี Q1/54 โตได้ 3% “สภาพัฒน์” คาดเลือกตั้งสะพัด 3 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สภาพัฒน์” เผย จีดีพี Q1/54 โตได้ 3% “ส่งออก-ท่องเที่ยว” สูงเป็นประวัติการณ์ “ภาคอุตฯ-เกษตร” ชะลอตัว ขณะที่ “เงินเฟ้อ” ปรับสูงขึ้น คาดเลือกตั้ง 54 เม็ดเงินสะพัด 3 หมื่นล้านบาท ส่งผลต่อการบริโภคและการใช้สอย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผย ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 1 ปี 2554 พบว่า ขยายตัวที่ระดับ 3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว 27.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การท่องเที่ยวขยายตัวดี ตัวเลขนักท่องเที่ยวสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวน 5.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนและรายได้ของเกษตรกร อยู่ในระดับสูง อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ที่ระดับ 0.8%

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ระดับ 3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งเป็นผลมาจาก ราคาอาหารปรับสูงขึ้น ตามต้นทุนราคาเชื้อเพลิง ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจในรอบต่อไป อาจจะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

เลขาธิการ สศช.ยังคาดการณ์อีกว่า ในการเลือกตั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึงคาดว่าน่าจะมีเงินสะพัดมากกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท สูงกว่าการเลือกตั้งในช่วงปี 2548 และ ปี 2550 ที่ฝ่ายวิจัยเอกชนมีการประเมินว่า มีเงินสะพัดประมาณ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากพบว่าค่าครองชีพโดยรวมเพิ่มขึ้น 3.3% ในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมา

ขณะที่ค่าใช้จ่ายปกติสำหรับการเลือกตั้งเช่นค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้เลือกตั้งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อคน และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่นแผ่นป้ายหาเสียง ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่เพื่อหาเสียง ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าว ก็จะส่งผลต่อการบริโภคของประชาชน

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ สศช.เชื่อว่า เมื่อการเลือกตั้งได้ข้อสรุปในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 แล้ว ทุกอย่างก็จะเข้าสู่ระบบประชาธิปไตย แต่ต้องคอยติดตามดูว่ารัฐบาลใหม่มีนโยบายเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อการจัดทำงบประมาณในช่วงไตรมาสที่ 3-4 นี้ว่าจะดึงงบส่วนไหนมาทำตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป พร้อมยืนยันว่า ไม่ห่วงการเมืองจะเป็นปัจจัยเสี่ยง เพราะเชื่อว่าเมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามเกณฑ์ และเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย

ส่วนโครงการปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต (รีไฟแนนซ์) มองว่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภคได้ แต่ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการโยกเงินของผู้ใช้บัตร และเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะควบคุมไม่ให้ ธนาคารพาณิชย์ เกิดปัญหาภาวะหนี้เกินตัวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น