ผู้เชี่ยวชาญพลังงาน ชี้ หมดยุคน้ำมันถูก แนะทำใจอีก 4 ปี อาจเห็นน้ำมัน 200 ดอลลาร์/ต่อบาร์เรล อัดรัฐบาลใช้นโยบายตรึงราคาพลังงานหาเสียง ทำให้ประชาชนเสพติด ธปท.ยันตรึงราคาน้ำมันช่วยพยุงเงินเฟ้อระยะสั้นเท่านั้น แนะทางลงทุนโลจิสติกส์แทนการอุ้มดีเซล กฟผ.ห่วงเดือน พ.ค.ความต้องการใช้ไฟฟ้า “พีก” อีกครั้ง
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวในงานเสวนานโยบายเศรษฐกิจพลังงานเพื่อสังคมประจำปี เรื่อง “นโยบายราคาพลังงานของประเทศที่ยั่งยืน” ซึ่งจัดโดย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยระบุว่า ต่อจากนี้คนไทยต้องเตรียมใจ ยอมรับว่า หมดยุคน้ำมันราคาถูกแล้ว เพราะนับจากนี้อีก 3-4 ปีข้างหน้า อาจเห็นราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 200-250 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงกว่าช่วงปี 2551 ที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะพลังงานฟอสซิลมีแต่จะหมดลงไป และหายากขึ้นทุกวัน
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลก็ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกับภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เป็นเครื่องมือในการสร้างเสถียรภาพทางการตลาด ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ทางการเมืองมากกว่าที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว เหมือนกับการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มานานจนเกิดความเคยชิน จึงทำให้ไทยไม่สามารถหลุดออกจากวังวนนี้ได้ เพราะประชาชนเสพติดจนชินแล้ว
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า นโยบายตรึงราคาพลังงานของภาครัฐแม้จะช่วยลดผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง แต่ในระยะยาวจำเป็นต้องทบทวน เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นครั้งนี้ เกิดจากอุปสงค์ที่มีปริมาณรองรับจริง ดังนั้น รัฐบาลควรจะนำเงินที่จะใช้ในการอุดหนุนไปพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพดีกว่า เพราะต้นทุนด้านระบบโลจิสติกส์ของไทยคิดเป็น 17% ของจีดีพีประเทศ
ด้าน นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ยังคงติดตามภาวะการเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสภาพอากาศที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเดือนเมษายน 2554 โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) สูงถึง 23,567 เมกะวัตต์ ที่อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ที่อยู่ระดับ 23,322.12 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าปีนี้ปริมาณพีกจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 24,000 เมกะวัตต์