กบง.เตรียมประชุมอีกครั้ง เพื่ออุดหนุนราคาดีเซลอีก 50 สตางค์ หลังราคาตลาดสิงคโปร์แตะ 140 ดอลลาร์ คาด ยอดชดเชยทะลุลิตรละ 6 บาท แนะจับตารัฐบาลส่อตรึงดีเซลยาวไปถึงเลือกตั้ง ขณะที่ กพช.นัดหารือ 27 เม.ย.นี้ เพื่อหาวิธีตรึงราคาต่อ “พลังงาน” เผย เหลือทางเลือกสุดท้าย ยืดชำระหนี้ค่าก๊าซ ปตท.ที่ต้องชำระช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ ออกไปก่อน เพื่อให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินมาใช้อุดหนุนราคา
มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะมีการประชุมอีกครั้งภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อทบทวนการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลครั้งที่ 15/2554 เพิ่มอีกลิตรละ 50 สตางค์ หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกยังพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยพบว่าน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับขึ้น 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันลดต่ำลงเหลือ 50 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนไปแล้ว 5.90 บาทต่อลิตร
รายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า รัฐบาลอาจมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลยาวไปจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งกระทรวงพลังงานจะมีการชงมาตรการด้านนโยบายอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) วันที่ 27 เมษายน 2554 นี้ ซึ่งมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยคาดว่า จะเสนอแนวทางการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ที่ยังเหลือเพียงทางเลือกเดียว คือ การชะลอการจ่ายเงินคืนหนี้การนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ให้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หลังจากนายกรัฐมนตรียืนยันไม่ขยับเพดานราคาในการตรึงดีเซล และกระทรวงการคลังไม่ลดภาษีสรรพสามิต
ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ จะเหลือเงินระดับ 10,000 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ยังมีหนี้ค้างชำระต้องจ่ายในเดือนเมษายน 2554 อีกประมาณ 7,000 ล้านบาท
ด้าน นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จะตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงการเลือกตั้งใหญ่ แม้ว่าราคาน้ำมันดิบยังคงขยับขึ้นทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง จากปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากรัฐบาลยืนยันไม่มีนโยบายกู้เงินมาอุดหนุน หรือไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน มีทางเดียวคือการให้ กองทุนน้ำมันฯ เลื่อนจ่ายหนี้การนำเข้าแอลพีจี และก๊าซธรรมชาติเพื่อรถยนต์ (เอ็นจีวี) ของกลุ่ม ปตท.ออกไปก่อน จนกว่ามีรัฐบาลชุดใหม่
“เชื่อว่า ขณะนี้รัฐบาลหาทางลงในเรื่องนี้ลำบาก เพราะอยู่ในช่วงการเลือกตั้งหาสียง ไม่มีรัฐบาลไหนยอมที่จะขยับหรือปรับเพดาราคาน้ำมันดีเซลอย่างแน่นอน คงต้องรอให้เลือกตั้งเสร็จก่อน ซึ่งระยะเวลาระหว่างนี้ ก็ต้องหามาตรการอื่นๆเข้ามาดูแลเพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไป”
สำหรับการกู้เงินเพิ่ม คงไม่เหมาะสม แต่เชื่อว่ารัฐบาลอาจจะใช้วิธีการยืดหนี้การชำระเงินออกไปประมาณ 1 เดือน เพราะมองว่า ปตท.สามารถแบกรับภาระได้ โดยให้กองทุนฯ นำเงินสดสำรองใช้ไปก่อน และหลังจาก 1 เดือน อาจนำวิธีการลดภาษีสรรพสามิตมาใช้ต่อไป โดยหน้าที่หลังจากนั้น ก็ปล่อยให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลต่อไป