ASTVผู้จัดการรายวัน- ก.พลังงานยอมรับ วิกฤติลิเบีย-นิวเคลียร์ดันน้ำมันขายปลีกปีนี้ราคาสูง แนะช่วยประหยัด นักวิชาการฟันธงดีเซลเฉลี่ยปีนี้ 33 บาทต่อลิตรสูงกว่าที่คาด 1-2 บาทต่อลิตร จับตากบง.จ่ออุดหนุนดีเซลเพิ่มอีก โยนครม.เป็นคนสั่งบังคับขายบี 3 แก้ราคาปาล์มตก ขณะที่ผู้ค้าโอดตรึงดีเซลรัฐบาลมาร์คถึงเม.ย.นี้ขาดทุนรวม 3 พันล้านบาท
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานเปิดการประชุมองค์การพลังงานโลกสำหรับโซนเอเชีย(WEC) วานนี้(24มี.ค.) ว่า สถานการณ์ในลิเบียยังไม่สู่ภาวะปกติ ประกอบกับกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยมีทิศทางสูงขึ้นประชาชนจึงต้องช่วยกันประหยัดและหันมาใช้พลังงานทดแทน
“ที่ประชุมฯจะมีการหารือกับชาติสมาชิกเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานโลกทั้งราคาน้ำมันแพงจากวิกฤติการเมืองในตะวันออกกลาง และปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่นที่สร้างความวิตกไปทั่วโลก เพื่อหาแนวทางป้องกันและพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งไทยอาจได้รับข้อมูลหรือแนวทางในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันอย่างยั่งยืนต่อไป”รมว.พลังงานกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า คาดว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเฉลี่ยของไทยปี 2554 จะอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตรซึ่งจะสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม 1-2 บาทต่อลิตรเนื่องจากกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจะส่งผลต่อความต้องการดีเซลในตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้นโดยล่าสุดจะเห็นความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ก่อนหน้ามีการปรับลดลงเฉลี่ย 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแต่ดีเซลสิงคโปร์ปรับลงเพียง 1-2 เหรียญฯต่อบาร์เรลเท่านั้น
“โอกาสที่จะเห็นราคาดีเซลสิงคโปร์ลดลงมากคงยาก แต่ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสสปรับลดลงอีกหากสถานการณ์ตะวันออกกลางคลี่คลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนดีเซลแล้ว 5.10 บาทต่อลิตรถ้ารัฐไม่ตรึงราคาก็จะสูงถึง 35 บาทต่อลิตร” นายมนูญกล่าว
ปัจจุบันค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 90 สตางค์ต่อลิตรมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) จะต้องเข้ามาชดเชยราคาดีเซลเพิ่มอีกจากขณะนี้ชดเชยแล้ว 5.10 บาทต่อลิตร ดังนั้นคาดว่าเงินกองทุนน้ำมันฯจะหมดลงในเดือนเม.ย.นี้เพราะเงินกองทุนน้ำมันฯมีกระแสเงินสดประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ภาระหนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราไหลออกของเงินอยู่ที่เดือนละ 9,500 กว่าล้านบาท ดังนั้นหลังเม.ย.หากรัฐบาลไม่มีเงินมาดูแลต่อจะทำให้ราคาน้ำมันจะต้องขยับเพิ่มขึ้นอีก
***โยนครม.เห็นชอบบังคับขายบี3
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า เดิมกระทรวงพลังงานมีนโยบายจะเลื่อนบังคับจำหน่ายดีเซล(บี2)จากที่เดิมกำหนดสิ้นสุดมี.ค.แบบไม่มีกำหนดตามมติครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.เนื่องจากคาดว่าผลผลิตปาล์มจะยังไม่เพียงพอ แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายให้ช่วยเพิ่มสัดส่วนการผสมเพื่อไม่ให้ราคาปาล์มตกต่ำ จึงทำให้ธพ.ต้องระงับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาหลังจากที่ส่งเรื่องไปเมื่อเร็วๆ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานก็จะต้องรอให้ครม.เป็นผู้เห็นชอบเพราะการจำหน่ายดีเซล(บี2)ที่ผ่านมาครม.เป็นผู้กำหนดให้ปรับลดสัดส่วนการผสมบี 100 จากขณะนั้นที่ 3-5% ลงมาเหลือ2%
โอดขาดทุนเม.ย.3พันล.
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า นโยบายที่ภาครัฐเข้ามาตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรแม้ว่าจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯมาชดเชยค่าการตลาดแต่เฉลี่ยบริษัทน้ำมันได้รับยังต่ำโดยค่าการตลาดลาดที่เหมาะสมอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นเฉพาะบางจากตั้งแต่ธ.ค. 53 ที่รัฐประกาศนโยบายตรึงราคาดีเซลจนถึงเม.ย.คาดว่าจะขาดทุน 300 ล้านบาทและภาพรวมทั้งหมดธุรกิจค้าปลีกน้ำมันคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกรณีที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต้องการให้บริษัทน้ำมันนำปาล์มบริสุทธิ์(บี 100 )มาผสมดีเซลในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ผสมอยู่ 2% เพื่อจำหน่ายดีเซล(บี2) นั้นบางจากพร้อมสนับสนุนนโยบายดังกล่าวแต่จะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็นคือ 1. ปาล์มดิบ(CPO)เพียงพอหรือไม่ ไม่ควรจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะการส่งเสริมเกษตรกรให้ได้ราคาปาล์มสูงขึ้นบริษัทฯพร้อมสนับสนุนแต่จะต้องบอกล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์เพื่อเตรียมพร้อมด้วย 2. ราคาบี 100 ค่อนข้างสูงหากต้องนำมาผสมดีเซลเพิ่มอีก 1% หรือเป็นบี 3 ก็จะทำให้ต้นทุนผู้ค้าเพิ่ม 10 สตางค์ต่อลิตรดังนั้นรัฐบาลจะต้องดูค่าการตลาดส่วนนี้ให้เหมาะสมด้วย.
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานเปิดการประชุมองค์การพลังงานโลกสำหรับโซนเอเชีย(WEC) วานนี้(24มี.ค.) ว่า สถานการณ์ในลิเบียยังไม่สู่ภาวะปกติ ประกอบกับกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยมีทิศทางสูงขึ้นประชาชนจึงต้องช่วยกันประหยัดและหันมาใช้พลังงานทดแทน
“ที่ประชุมฯจะมีการหารือกับชาติสมาชิกเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานโลกทั้งราคาน้ำมันแพงจากวิกฤติการเมืองในตะวันออกกลาง และปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่นที่สร้างความวิตกไปทั่วโลก เพื่อหาแนวทางป้องกันและพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งไทยอาจได้รับข้อมูลหรือแนวทางในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันอย่างยั่งยืนต่อไป”รมว.พลังงานกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า คาดว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเฉลี่ยของไทยปี 2554 จะอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตรซึ่งจะสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม 1-2 บาทต่อลิตรเนื่องจากกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจะส่งผลต่อความต้องการดีเซลในตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้นโดยล่าสุดจะเห็นความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ก่อนหน้ามีการปรับลดลงเฉลี่ย 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแต่ดีเซลสิงคโปร์ปรับลงเพียง 1-2 เหรียญฯต่อบาร์เรลเท่านั้น
“โอกาสที่จะเห็นราคาดีเซลสิงคโปร์ลดลงมากคงยาก แต่ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสสปรับลดลงอีกหากสถานการณ์ตะวันออกกลางคลี่คลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนดีเซลแล้ว 5.10 บาทต่อลิตรถ้ารัฐไม่ตรึงราคาก็จะสูงถึง 35 บาทต่อลิตร” นายมนูญกล่าว
ปัจจุบันค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 90 สตางค์ต่อลิตรมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) จะต้องเข้ามาชดเชยราคาดีเซลเพิ่มอีกจากขณะนี้ชดเชยแล้ว 5.10 บาทต่อลิตร ดังนั้นคาดว่าเงินกองทุนน้ำมันฯจะหมดลงในเดือนเม.ย.นี้เพราะเงินกองทุนน้ำมันฯมีกระแสเงินสดประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ภาระหนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราไหลออกของเงินอยู่ที่เดือนละ 9,500 กว่าล้านบาท ดังนั้นหลังเม.ย.หากรัฐบาลไม่มีเงินมาดูแลต่อจะทำให้ราคาน้ำมันจะต้องขยับเพิ่มขึ้นอีก
***โยนครม.เห็นชอบบังคับขายบี3
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า เดิมกระทรวงพลังงานมีนโยบายจะเลื่อนบังคับจำหน่ายดีเซล(บี2)จากที่เดิมกำหนดสิ้นสุดมี.ค.แบบไม่มีกำหนดตามมติครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.เนื่องจากคาดว่าผลผลิตปาล์มจะยังไม่เพียงพอ แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายให้ช่วยเพิ่มสัดส่วนการผสมเพื่อไม่ให้ราคาปาล์มตกต่ำ จึงทำให้ธพ.ต้องระงับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาหลังจากที่ส่งเรื่องไปเมื่อเร็วๆ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานก็จะต้องรอให้ครม.เป็นผู้เห็นชอบเพราะการจำหน่ายดีเซล(บี2)ที่ผ่านมาครม.เป็นผู้กำหนดให้ปรับลดสัดส่วนการผสมบี 100 จากขณะนั้นที่ 3-5% ลงมาเหลือ2%
โอดขาดทุนเม.ย.3พันล.
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า นโยบายที่ภาครัฐเข้ามาตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรแม้ว่าจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯมาชดเชยค่าการตลาดแต่เฉลี่ยบริษัทน้ำมันได้รับยังต่ำโดยค่าการตลาดลาดที่เหมาะสมอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นเฉพาะบางจากตั้งแต่ธ.ค. 53 ที่รัฐประกาศนโยบายตรึงราคาดีเซลจนถึงเม.ย.คาดว่าจะขาดทุน 300 ล้านบาทและภาพรวมทั้งหมดธุรกิจค้าปลีกน้ำมันคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกรณีที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต้องการให้บริษัทน้ำมันนำปาล์มบริสุทธิ์(บี 100 )มาผสมดีเซลในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ผสมอยู่ 2% เพื่อจำหน่ายดีเซล(บี2) นั้นบางจากพร้อมสนับสนุนนโยบายดังกล่าวแต่จะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็นคือ 1. ปาล์มดิบ(CPO)เพียงพอหรือไม่ ไม่ควรจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะการส่งเสริมเกษตรกรให้ได้ราคาปาล์มสูงขึ้นบริษัทฯพร้อมสนับสนุนแต่จะต้องบอกล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์เพื่อเตรียมพร้อมด้วย 2. ราคาบี 100 ค่อนข้างสูงหากต้องนำมาผสมดีเซลเพิ่มอีก 1% หรือเป็นบี 3 ก็จะทำให้ต้นทุนผู้ค้าเพิ่ม 10 สตางค์ต่อลิตรดังนั้นรัฐบาลจะต้องดูค่าการตลาดส่วนนี้ให้เหมาะสมด้วย.