ASTVผู้จัดการรายวัน - กระทรวงพลังงานชง 2 ทางเลือก กบง. หากน้ำมันโลกดิ่งดันค่าการตลาดดีเซลเกิน 1.30 บาทต่อลิตร 1. ลดราคาขายปลีกทันที 2. คงดีเซลไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรแล้วรีดเงินคืนกองทุนน้ำมันฯ ลดภาระหลังอุ้มไปแล้วถึง 5 บาทต่อลิตร ด้านนักวิชาการหนุนรีดเงินคืน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จะเสนอต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (17 มี.ค.) ถึงแนวทางการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ที่ไทยใช้อ้างอิงกำหนดราคาขายปลีกปรับลดลงจนทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันได้รับสูงกว่าระดับ 1.30 บาทต่อลิตร 2 ทางเลือก คือ 1.ลดราคาขายปลีกดีเซลให้ประชาชนทันที 2. คงราคาดีเซลไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรเพื่อเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯคืนทั้งหมดเพื่อลดภาระจากที่อุ้มราคาดีเซลไปแล้วก่อนหน้านี้ลิตรละ 5 บาทเพื่อที่จะสะสมเงินไว้ใช้กรณีราคาน้ำมันแพงซึ่งขณะนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯอยู่ที่ 17,006 ล้านบาทซึ่งยังคงดูแลระดับราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ขณะนี้แต่หากน้ำมันไม่ปรับลดอาจจะไม่ถึง เม.ย.
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า มีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับลดลงในช่วงตลอดสัปดาห์นี้เนื่องจากตลาดกังวลกรณีแผ่นดินไหวญี่ปุ่นว่าจะทำให้ความต้องการลดลงทำให้ราคาน้ำมันดิบมีการปรับลดลงต่อเนื่อง 2-3 วันส่งผลให้ค่าการตลาดเบนซินของผู้ค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.90 บาทต่อลิตรและดีเซลเฉลี่ย 1.10 บาทต่อลิตรจึงมีแนวโน้มที่ราคาขายปลีกเบนซินในไทยจะปรับลดลงได้สัปดาห์นี้ ขณะที่ดีเซลหากตลาดสิงคโปร์1-2วันปรับลดก็มีโอกาสเช่นกัน
อย่างไรก็ตามส่วนของดีเซลนั้นรัฐควรจะตรึงราคาไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรไม่ควรจะปรับลดราคาขายปลีกเพื่อลดภาระเงินกองทุนน้ำมันฯที่ได้อุดหนุนราคาดีเซลไปแล้วถึง 5บาทต่อลิตรเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมองว่าจะเป็นเรื่องระยะสั้นเพราะเชื่อว่าเมื่อวิกฤติพลังงานนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นคลี่คลายจะทำให้ความต้องการดีเซลฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นมีสูงและจะทำให้ราคากลับมาเพิ่มอีกครั้ง
***ญี่ปุ่นแนะไทยอย่าตื่นตระหนก
นายฟูมิโอะ อุเอะดะ กรรมการบริหารระดับสูง องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม(NEDO) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า NEDO ยืนยันที่ยังคงสนับสนุนโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับไทยซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยยังคงมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสำคัญ
“เราคงไม่มองเทคโนโลยีในการลด CO2ไปที่ตัวใดตัวหนึ่งนิวเคลียร์เองก็เป็นอีกทางเลือกที่ญี่ปุ่นพัฒนาเพื่อให้เกิดความหลากหลายในเทคโลยีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นขึ้นจากแผ่นดินไหวจึงไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกกับสิ่งเหล่านี้ เพราะการจัดการกับปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่พลังงานชนิดใดชนิดหนึ่งขณะที่นิวเคลียร์ยังเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาได้ต่อ” นายฟูมิโอะกล่าว.
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จะเสนอต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (17 มี.ค.) ถึงแนวทางการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ที่ไทยใช้อ้างอิงกำหนดราคาขายปลีกปรับลดลงจนทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันได้รับสูงกว่าระดับ 1.30 บาทต่อลิตร 2 ทางเลือก คือ 1.ลดราคาขายปลีกดีเซลให้ประชาชนทันที 2. คงราคาดีเซลไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรเพื่อเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯคืนทั้งหมดเพื่อลดภาระจากที่อุ้มราคาดีเซลไปแล้วก่อนหน้านี้ลิตรละ 5 บาทเพื่อที่จะสะสมเงินไว้ใช้กรณีราคาน้ำมันแพงซึ่งขณะนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯอยู่ที่ 17,006 ล้านบาทซึ่งยังคงดูแลระดับราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ขณะนี้แต่หากน้ำมันไม่ปรับลดอาจจะไม่ถึง เม.ย.
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า มีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับลดลงในช่วงตลอดสัปดาห์นี้เนื่องจากตลาดกังวลกรณีแผ่นดินไหวญี่ปุ่นว่าจะทำให้ความต้องการลดลงทำให้ราคาน้ำมันดิบมีการปรับลดลงต่อเนื่อง 2-3 วันส่งผลให้ค่าการตลาดเบนซินของผู้ค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.90 บาทต่อลิตรและดีเซลเฉลี่ย 1.10 บาทต่อลิตรจึงมีแนวโน้มที่ราคาขายปลีกเบนซินในไทยจะปรับลดลงได้สัปดาห์นี้ ขณะที่ดีเซลหากตลาดสิงคโปร์1-2วันปรับลดก็มีโอกาสเช่นกัน
อย่างไรก็ตามส่วนของดีเซลนั้นรัฐควรจะตรึงราคาไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรไม่ควรจะปรับลดราคาขายปลีกเพื่อลดภาระเงินกองทุนน้ำมันฯที่ได้อุดหนุนราคาดีเซลไปแล้วถึง 5บาทต่อลิตรเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมองว่าจะเป็นเรื่องระยะสั้นเพราะเชื่อว่าเมื่อวิกฤติพลังงานนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นคลี่คลายจะทำให้ความต้องการดีเซลฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นมีสูงและจะทำให้ราคากลับมาเพิ่มอีกครั้ง
***ญี่ปุ่นแนะไทยอย่าตื่นตระหนก
นายฟูมิโอะ อุเอะดะ กรรมการบริหารระดับสูง องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม(NEDO) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า NEDO ยืนยันที่ยังคงสนับสนุนโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับไทยซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยยังคงมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสำคัญ
“เราคงไม่มองเทคโนโลยีในการลด CO2ไปที่ตัวใดตัวหนึ่งนิวเคลียร์เองก็เป็นอีกทางเลือกที่ญี่ปุ่นพัฒนาเพื่อให้เกิดความหลากหลายในเทคโลยีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นขึ้นจากแผ่นดินไหวจึงไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกกับสิ่งเหล่านี้ เพราะการจัดการกับปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่พลังงานชนิดใดชนิดหนึ่งขณะที่นิวเคลียร์ยังเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาได้ต่อ” นายฟูมิโอะกล่าว.
