xs
xsm
sm
md
lg

ควักอีก 50 สต.อุ้มดีเซล “กรณ์” ถก “มาร์ค” กู้วิกฤตน้ำมันก่อนสงกรานต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตามคาด! กบง.ควักอีก 50 สตางค์ อุ้มดีเซลไม่เกิน 30 บาท ยอมรับกองทุนน้ำมันฯ ต้องใช้เงินชดเชยถึงลิตรละ 6.40 บาท “กรณ์” เตรียมหารือนายกฯ 1-2 วันนี้ เพื่อดูแลปัญหาราคาน้ำมันแพง ยืนยันจะรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลต่อไป เผยทางเลือก 3 ชอยส์ ต้องได้ข้อสรุปก่อนสงกรานต์ แย้มอาจมีการประกาศลอยตัว ทิ้งทวนมาตรการด้านพลังงาน ก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แย้มต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบกับ ปชช.ส่วนใหญ่ของประเทศ รมว.พลังงาน ชี้ หากลอยตัวทันที 6.40 บาท รถกระบะจ๊ากแน่



นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ช่วงบ่ายวันนี้ โดยระบุว่า ที่ประชุมได้มีมติให้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกลิตรละ 50 สตางค์ เพื่อให้คงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินอุดหนุนดีเซลเพิ่มเป็นลิตรละ 6 บาท 40 สตางค์

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กบง.ได้มีมติเพิ่มการอุดหนุนดีเซลไปแล้วถึง 2 ครั้ง หลังราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดเหลือเงินประมาณ 7,278 ล้านบาท หากราคาน้ำมันโลกไม่ลดลงอีก เงินกองทุนฯ จะหมดใน 18 วันข้างหน้า แต่มั่นใจว่าจะใช้ได้ถึง 27 เมษายน 2554 นี้ ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ รัฐบาลมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปแล้วตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง ใช้เงินไปแล้วประมาณ 20,667 ล้านบาท ล่าสุด พบว่ามีเงินไหลออกเพิ่มขึ้นเป็น 403.6 ล้านบาทต่อวัน หรือ 12,107 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งคงต้องรอที่ประชุม กพช. ในวันที่ 27 เมษายน 2554 นี้ เป็นผู้ชี้ขาดว่าจะให้ดำเนินงานอย่างไรเกี่ยวกับกองทุนฯ และราคาดีเซล โดยหากขึ้นทันที 6.40 บาท จะกระทบต่อประชาชนแน่นอน

"ขณะนี้ ทั่วโลกมีความหวังว่าราคาน้ำมันโลกจะลดลง หลังจากที่รัฐบาล พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบีย ตอบรับจะหารือกับรัฐบาลโลกอาหรับ จึงคาดหวังว่าเหตุการณ์จะสงบลงได้ หากลดลง เงินกองทุนฯ ก็ไม่ต้องอุดหนุนเพิ่ม"

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้เห็นชอบในหลักการให้ขยายระยะเวลาผ่อนผันการนำ Oil Base ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว(บี5) ของผู้ค้าน้ำมันที่เหลืออยู่ไปผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี2) จากสิ้นเดือนมีนาคม 2554 ออกไปจนกว่าผู้ค้าน้ำมันจะใช้ Oil Base หมด หรือจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2554

ทั้งนี้ เพื่อให้การประกอบธุรกิจการค้าน้ำมันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขัดต่อกฎระเบียบของกรมสรรพสามิต และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ค้าน้ำมันที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐเกี่ยวกับ การขยายระยะเวลาการจำหน่ายน้ำมันดีเซล บี2 ออกไปจนกว่าจะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันส่วนเกินเหลือจากการบริโภค ซึ่งผู้ค้าน้ำมันยังมี Oil Base ของน้ำมัน บี5 คงเหลือในคลังจำนวนมาก ยังไม่สามารถนำไปผสมเป็นดีเซล บี2 ได้หมดภายในกำหนดเดิม คือ ในเดือนมีนาคม 2554

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการดูแลราคาน้ำมันดีเซล โดยระบุว่า ตนเองจะมีการหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่หากมีการปรับราคาก็จะมีการปรับไปยังรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า ตราบใดที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังสามารถดูแลรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้กับประชาชนได้ ก็จะดำเนินการต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมัน

“ภายใน 1-2 วันนี้ ผมจะหารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางรองรับ หากราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพื่อเตรียมมาตรการดูแลประชาชน ขณะเดียวกันการตรึงราคาดีเซลก็ใกล้จะสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดไว้ และสามารถทำได้เพียงในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยราคาน้ำมันควรจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง หากยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลคงไม่สามารถแบกรับภาระไว้ได้ตลอด”

ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็คงไม่สามารถแบกรับภาระได้ตลอดไป อีกทั้งยังต้องรักษาวินัยทางการคลังของประเทศด้วย ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายที่จะบริหารให้กองทุนน้ำมันติดลบ 80,000-90,000 ล้านบาท เหมือนกับรัฐบาลในอดีต ทั้งนี้ หากสุดท้ายเมื่อมีการลอยตัวราคาน้ำมัน ก็จะต้องทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากจนเกินไป

ส่วนจะมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตหรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะต้องมีการทบทวนว่าหากใช้มาตรการทางภาษี รายได้ที่สูญเสียไปจะมีผลอย่างไรต่อความสามารถในการดูแลประชาชนในด้านอื่น ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนภาษีต่อราคาน้ำมัน ถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถือเป็นรายได้หลักส่วนหนึ่งของรัฐบาล ดังนั้น หากปรับลดก็อาจมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ขณะเดียวกัน ก็มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่รัฐบาลต้องนำเงินภาษีมาดูแล

อย่างไรก็ตาม หากเลือกแนวทางที่จะต้องลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลไปตามราคาตลาดโลก ก็คงจะต้องดำเนินการแบบทยอยปรับขึ้นราคา เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบในระยะสั้น ซึ่งทั้งหมดเมื่อถึงเวลาก็ต้องปฏิบัติ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่ารัฐบาลจะมีการนำมาตรการภาษีหรือมาตรการใดมาใช้หลังหมดระยะเวลาตรึงดีเซลในสิ้นเดือนเมษายน 2554 นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น