กบง.มีมติชดเชยน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 สตางค์ เพื่อตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร หลังพบว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมเป็นเงินชดเชยทั้งสิ้น 5.40 บาทต่อลิตร เผยเงินกองทุนน้ำมันฯ ยังเหลืออีก 1.2 หมื่นล้าน ดูแลดีเซลได้ถึงสิ้นเดือนนี้ แน่นอน หากน้ำมันโลกทรงตัว พร้อมไฟเขียวยกเลิก "ซีพีโอ" อ้างอิงราคาน้ำมันปาล์มมาเลย์ ขณะที่ราคาน้ำมันสิงคโปร์สูงสุดรอบ 2 ปีครึ่ง
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยระบุว่า ที่ประชุมได้มีมติชดเชยน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 30 สตางค์ จากเดิมชดเชยอยู่ 5.10 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 5.40 บาทต่อลิตร เพื่ออุดหนุนระดับราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตามนโยบายของรัฐบาล หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
"การจ่ายชดเชยอีก 30 สตางค์ จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ไม่ต้องการให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเกินลิตรละ 30 บาท ส่งผลให้เงินไหลออกจากกองทุนน้ำมัน 340 ล้านบาทต่อวันจากที่เดิมไหลออก 307 ล้านบาทต่อวัน หรือ 10400 ล้านบาทต่อเดือน"
ทั้งนี้ จากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลทั้ง 12 ครั้งที่ผ่านมา มีการใช้เงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปแล้ว 17,244 ล้านบาท โดยกองทุนฯ ปัจจุบันยังคงมีเงินสุทธิเหลือประมาณ 12000 ล้านบาท ซึ่งจะดูแลราคาน้ำมันดีเซลได้จนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นี้ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบัน
รมว.พลังงาน ยืนยันว่า สถานะกองทุนน้ำมันฯ ที่มีเงินสดเหลือยู่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท สามารถดูแลราคาน้ำมันได้จนถึงสิ้นเดือน โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 27 เมษายน 2554 นี้ กระทรวงพลังงานจะรายงานสถานะกองทุนน้ำมันฯ ให้ที่ประชุมรับทราบ พร้อมทั้งหารือเพื่อกำหนดแนวทางการดูแลราคาดีเซลต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อใกล้วันที่ประชุม กพช.เงินกองทุนน้ำมันฯ จะเหลืออยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท สอดคล้องกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ว่า หากกองทุนน้ำมันฯ เหลือใกล้ 10,000 ล้านบาท เมื่อไหร่จะมีการทบทวนมาตราการตรึงดีเซลทันที
โดยวันนี้ ราคาน้ำมันดิบไลท์ สวีต นัดส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2554 ซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ ได้ปรับเพิ่มขึ้น 72 เซนต์ มาอยู่ที่ 108.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 เป็นต้นมา ขณะที่เบร้นท์ ทะเลเหนือ นัดส่งมอบเดือนเดียวกัน บวกขึ้นไป 40 เซนต์ มาอยู่ที่บาร์เรลละ 119.10 ดอลลาร์
ทั้งนี้ การทะยานขึ้นของราคาน้ำมันเป็นผลมาจากบรรยากาศตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ที่ดูมีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขว่างงานเดือนมีนาคม 2554 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.8 เปอร์เซนต์ ซึ่งนับว่าอยู่เหนือการคาดการณ์ของตลาด
ด้านราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 อยู่ที่ระดับ 111 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราเงินชดเชยครั้งที่แล้วเมื่อ 21 มีนาคม 2554 อยู่ที่ 2.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 134.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันสูงขึ้น
นอกจากนี้ กบง.ยังมีมติ ให้ยกเลิกราคาอ้างอิงราคาน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) จากเดิมที่ใช้ราคาอ้างอิงจากราคามาเลเซีย +3 บาท มาเป็นราคาที่กำหนดโดยกรมการค้าภานใน + ราคาสะกัดปาล์ม 2.25 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาอ้างอิงซีพีโอ ของประเทศไทย