xs
xsm
sm
md
lg

กบง.มีมติลดการชดเชยดีเซลลง 30 สตางค์ ยันกองทุนฯ ตรึงได้ถึง เม.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กบง.มีมติลดการชดเชยดีเซลลง 30 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยลดลงเหลือ 4.70 บาท/ลิตร มีผลพรุ่งนี้ พร้อมยืดการใช้สูตรไบโอดีเซล บี2 ไม่มีกำหนด เพื่อให้น้ำมันปาล์ม มีเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศยังอยู่ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาท ยันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ตรึงได้ถึงเดือน เม.ย.นี้ ได้แน่นอน

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 30 สตางค์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2554 (พรุ่งนี้) เป็นต้นไป จากปัจจุบันที่มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยราคาน้ำมันดีเซลถึงลิตรละ 5 บาท ซึ่งจะลดลงมาเหลือลิตรละ 4.70 บาท แต่จะยังทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศอยู่ที่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลง จากเหตุการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบอยู่ที่ 104.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดีเซลราคาอยู่ที่ 128.30 ดอลลาร์อบาร์เรล เบนซิน 95 ราคาอยู่ที่ 116.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดดีเซลเฉลี่ย 1.12 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันยังจำหน่าย 29.99 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯลดภาระการชดเชยราคาดีเซลลงวันละ 16 ล้านบาท หรือ 496 ล้านบาทต่อเดือน

ขณะนี้ กองทุนน้ำมันฯ มีเงินสดในบัญชี 34,479 ล้านบาท มีภาระการชดเชยดีเซลตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 17 มีนาคม 2554 อยู่ที่ 12,474 ล้านบาท ส่วนภาระการชดเชยการนำเข้าแอลพีจี และเอ็นจีวี อยู่ที่ 17,033 ล้านบาท ทำให้กองทุนน้ำมัน เหลือเงินสุทธิ 17,086 ล้านบาท สำหรับการปรับการชดเชยดีเซลครั้งนี้ เป็นผลให้กองทุนน้ำมันฯ ลดสภาพคล่องในการติดลบเหลือ 286 ล้านบาทต่อวัน หรือ 8,862 ล้านบาทต่อเดือน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันสถานะของกองทุนน้ำมันฯ อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ยังจะสามารถชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปได้ถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมมองว่า หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จะมีการลดอัตราการชดเชยดีเซลลง เพื่อทยอยนำเงินกลับคืนเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาสภาพคล่องต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังกล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศญี่ปุ่น ว่า หลังจากประสบปัญหาภัยพิบัติ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงกลั่นไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้ ทำให้ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกลดลงและราคาปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีเซล เพื่อการผลิตไฟฟ้าและทำความร้อน เป็นผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน จะติดตามสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่อง เพราะในบาห์เรนเริ่มส่งสัญญาณทวีความรุนแรง ขณะที่ลิเบียเหตุการณ์ยังไม่สงบ จึงยังกังวลว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอาจปรับตัวสูงขึ้นอีก

นอกจากนี้ กบง.ยังมีมติขยายเวลาการปรับสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันดีเซล บี2 อย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่กำหนดให้จำหน่ายถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2554 นี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศยังไม่นิ่ง กระทรวงพลังงาน จึงตัดสินใจขยายการจำหน่ายดีเซล บี2 ออกไปอีก เพื่อให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคมีเพียงก่อน จึงจะกลับมาปรับสัดส่วนการจำหน่ายเป็นดีเซล บี3 เมื่อสถานการณ์การขาดแคลนปาล์มคลี่คลายลง สำหรับกระทรวงพลังงาน ยังคงใช้น้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี100 เพื่อนำมาผสมเป็นดีเซล บี2 ภายในเดือนมีนาคมไม่เกิน 16,500 ตันต่อเดือน

ด้าน นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ราคาไบโอดีเซล บี100 ระหว่างวันที่ 14-20 มีนาคม 2554 มีราคาลดลงจาก 46.09 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ 43.59 บาทต่อลิตร และในสัปดาห์หน้ามีแนวโน้มจะปรับลดลงอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น