รมว.พลังงาน เผยที่ประชุม กบง.มีมติยกเลิกอุดหนุนดีเซล ลิตรละ 16 สตางค์ พร้อมจัดเก็บเพิ่ม ลิตรละ 33.55 สตางค์ หลังราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง 4 วัน กว่า 14 ดอลลาร์ ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาเรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องควักอุ้มดีเซลวันละ 18.72 ล้านบาท แต่ยังคงมีภาระอุ้มก๊าซ “แอลพีจี-เอ็นจีวี” วันละ 27.8 ล้านบาท
นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันนี้เห็นชอบปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยการยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล หลังจากที่เคยอุดหนุนมาตั้งแต่ช่วงกลางธันวาคม 2553
ทั้งนี้ การยกเลิกอุดหนุนดังกล่าวเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ได้ปรับลดลงอย่างรุนแรงมากกว่า 14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐฯต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม แม้ประชุมวันนี้ได้ยกเลิกการอุดหนุนราคาดีเซล 16 สตางค์ต่อลิตร ยังหันมาเก็บเพิ่มเงินกองทุนน้ำมันดีเซลอีก 33.55 สตางค์ต่อลิตร มีผลทำให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะดีขึ้น แต่ราคาดีเซลขณะนี้ยังไม่สามารถปรับลงได้ในทันที
โดยการอุดหนุนราคาดีเซลที่ผ่านมาเป็นไปตามนโยบายการดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปจนสิ้นเดือนกันยายน 2554 นี้ และยังยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิต 5.83 บาทลิตร สำหรับการปรับเปลี่ยนการบริหารเงินกองทุนน้ำมันฯ จะมีผลในวันพรุ่งนี้ ทำให้ลดการอุดหนุนดีเซลได้ 18.72 ล้านบาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม กองทุนน้ำมันฯ ยังต้องอุดหนุนเชื้อเพลิงประเภทอื่น ทั้ง ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ทำให้ยังมีเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไหลออก 27.8 ล้านบาทต่อวัน และหากราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง คาดว่า เงินกองทุนที่เหลืออยู่จำนวน 971 ล้านบาทจะหมดลงในอีก 3-5 วันข้างหน้า
ทั้งนี้ เมื่อเงินกองทุนหมดลง สถาบันกองทุนพลังงานคงจำเป็นต้องกู้เงินมาอุดหนุนเชื้อเพลิงต่างๆ เป็นไปตามกรอบของ กบง.เห็นชอบไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องมีโอกาสกองทุนน้ำมันฯ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่มเติม
รมว.พลังงาน ยอมรับว่า ขณะนี้ทั่วโลกต่างไม่มั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างเข้มแข็งต่อไปหรือไม่ หากเศรษฐกิจอ่อนแอ ราคาน้ำมันอาจปรับลดลงได้อีก
