ครม.ให้ปรับลดภาษีดีเซลเหลือ 0.005 บาท/ลิตร มีผลพรุ่งนี้ ถึงวันที่ 30 ก.ย.54 “วรรณรัตน์” เรียกประชุม กบง.ต่อทันที ลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลง 5.83 บาท/ลิตร เหลือการชดเชยแค่ 16 สตางค์/ลิตร “กรณ์” เผย สภาพัฒน์มองมาตรการตรึงดีเซล 30 บาท มีผลต่อเงินเฟ้อ 0.4% และจีดีพี 0.2%
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบให้มีการปรับลดการเรียกเก็บภาษีน้ำมันดีเซลตามที่กระทรวงการคลังเสนอ จากเดิมที่มีการจัดเก็บในอัตรา 5.31 บาทต่อลิตร ลงมาเหลือ 0.005 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตามนโยบายรัฐบาล
ส่วนภาระการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับตัวลดลงจากลิตรละ 6 บาท มาอยู่ที่ลิตรละ 0.16 บาทเท่านั้น ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนนี้วันละ 80 ล้านบาท หรือเดือนละ 2,400 ล้านบาท แต่กองทุนน้ำมันฯ มีภาระต้องชดเชยในส่วนอื่นๆ อีกเดือนละ 4 พันล้านบาท ทำให้มีเงินไหลออกจากองทุนน้ำมันฯ ประมาณเดือนละ 2,200 ล้านบาท
โดยภายหลังจากเสร็จการประชุม ครม.แล้ว นายแพทย์วรรณรัตน์ ก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ทันที เพื่อพิจารณาลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซล โดยที่ประชุม กบง. มีมติให้ปรับลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลง 5.83 บาทต่อลิตร เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ในการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ทำให้การชดเชยน้ำมันดีเซลลดลงเหลือ 16 สตางค์ต่อลิตร
ทั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินไหลออกลดลงจากเดิม 381.30 ล้านบาทต่อวัน เหลือ 55.7 ล้านบาทต่อวัน หรือจากเดือนละ 11,435 ล้านบาท เหลือเดือนละ 1,671 ล้านบาท โดยมีผลวันที่ 22 เมษายน 2554 หลังประกาศมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในราชกิจจานุเบกษา
โดยการปรับลดอัตราการชดเชยดังกล่าว จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดน้ำมันดีเซลขณะนี้อยู่ที่ 1.35 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มเติมได้
ด้านนายศิวนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด มีเงินสดเหลืออยู่กว่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะยังคงมีสภาพคล่องใช้ในการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไปจนถึงสิ้นปีนี้ หากราคาน้ำมันตลาดโลกไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันมากนัก ซึ่งเดิมคาดว่า กองทุนน้ำมันฯ จะใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2554 นี้
ทั้งนี้ ตัวเลขตามบัญชีกองทุนน้ำมันฯ มีรายรับ 2,400-2,600 ล้านบาท และมีเงินไหลออกประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้กองทุนฯ ติดลบอยู่ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อเดือน แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายเงิน ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีสภาพคล่องเหลืออยู่
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการพิจารณาภาษีสรรพสามิตจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลในที่ประชุม ครม.วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้ประเมินว่าแนวทางที่รัฐบาลใช้ในการลดภาษีน้ำมันดีเซล เหลือ 0.005 บาทต่อลิตร จะช่วยไม่ให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปรับลดลง 0.2% อีกทั้งช่วยไม่ให้เงินเฟ้อปรับขึ้น 0.4%
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้เสนอให้ใช้มาตรการดังกล่าวถึงแค่สิ้นปีงบประมาณ 2554 (30 กันยายน 2554) โดยหลังจากนั้น อยู่ที่ว่า รัฐบาลในขณะนั้นจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป พร้อมยืนยันว่า การปรับลดภาษีน้ำมันจะไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 2554 เนื่องจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการประเมินการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐว่าจะสามารถจัดเก็บได้เกินกว่าเป้าหมาย และยืนยันว่า ไม่เสียโอกาสการจัดเก็บรายได้อย่างแน่นอน