xs
xsm
sm
md
lg

“นิด้า” ห่วงอุ้มดีเซลก่อภาระในอนาคต กองทุนน้ำมันฯ พยุงได้อีกแค่ 1 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“นิด้า” ติงนโยบายอุดหนุนราคาดีเซล เพื่อไม่ให้เกิน 30 บาท ตามบัญชานายกฯ อาจเป็นภาระการเงินต่อ รบ.ในระยะยาว ขณะที่ กบง.เคาะจ่ายอุดหนุนรอบ 2 ควักพยุง บี3 ลิตรละ 80 สตางค์ บี5 อีกลิตรละ 1 บาท คาดใช้เงินเดือนละ 3,237 ล้านบาท จากวงเงินคงเหลือ 3,759 ล้านบาท คาดเหลือไว้พยุงได้อีก 1 เดือน หากน้ำมันยังพุ่งขึ้นอีก

นายธีระพงษ์ วิกิตเศรษฐ์ อาจารย์ที่ปรึกษาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลที่ใช้มาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้ราคาเกินระดับจิตวิทยาที่ลิตรละ 30 บาทนั้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 มากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ถูกเก็บภาษีในระดับที่สูง

ขณะเดียวกัน แม้ปัจจุบันผู้ใช้ดีเซลจะได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนดังกล่าว แต่มองว่าจะเป็นเพียงช่วงระยะสั้นเท่านั้น เพราะว่าในอนาคตแนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น นโยบายอุดหนุนดังกล่าว จึงเป็นการสร้างภาระทางการเงินในระยะยาวให้กับรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ที่ปรึกษานิด้า ยังเห็นด้วยว่า การตรึงราคาดีเซลสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องเป็นมาตรการในช่วงระยะสั้นเท่านั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้

สำหรับการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) แบ่งเป็น 2 ระดับนั้น นายธีระพงษ์ กล่าวว่า เป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในระยะยาว แต่รัฐบาลต้องเฝ้าระวังกรณีการนำสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นด้วย

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า วันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) อนุมัติให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเติมเพื่อดูแลไม่ให้ราคาขายปลีกสูงเกิน 30 บาทลิตร ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้มีผลทันทีตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

โดยในส่วนของไบโอดีเซล บี3 ให้ชดเชยเพิ่มอีกลิตรละ 80 สตางค์ จากเดิมที่ชดเชยไปก่อนหน้านี้แล้ว 85 สตางค์ รวมเป็น 1.65 บาทต่อลิตร ขณะที่ไบโอดีเซล บี5 ให้ชดเชยเพิ่มอีกลิตรละ 1 บาท จากเดิมที่ชดเชยไปก่อนหน้านี้แล้ว 1.50 บาท รวมเป็น 2.50 บาทต่อลิตร

สำหรับการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้ได้ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวงเงิน 5,000 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ไห้สูงเกิน 30 บาทต่อ ซึ่งการชดเชยรอบนี้ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินไหลออกเพิ่มขึ้นเป็น 3,237 ล้านบาทต่อเดือน จากวงเงินคงเหลือ 3,759 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างในปัจจุบัน จะทำให้วงเงินนี้สามารถชดเชยได้เพียง 1 เดือน สำหรับสถานะเงินกองทุนน้ำมันปัจจุบันอยู่ที่ 27,617 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังเห็นชอบตามมติ กพช.ให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อแอลพีจีหน้าโรงกลั่น ให้เป็นราคาอิงตลาดโลก มีผลพรุ่งนี้ทันที โดยกำหนดราคารับซื้อจะอยู่ที่ 780 ดอลลาร์ต่อตัน จากเดิมที่กำหนดราคาเพดานไม่เกิน 330 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาแนฟทาที่โรงกลั่นขายอยู่

“เชื่อว่า โรงกลั่นจะผลิตแอลพีจีเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 37,000 ตัน เพิ่มอีก 53,000 ตันต่อเดือน และจะเริ่มผลิตได้เต็มที่ภายใน 5-6 เดือน ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าแอลพีจี ได้ 6 แสนตันต่อปี จากที่ต้องนำเข้า 1.47 ล้านตันต่อปี ลดลงเหลือ 8 แสนตันต่อปี ช่วยลดเงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันฯ ได้ประมาณ 1,900 ล้านบาทต่อปี”

ส่วนการลอยตัวราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมนั้นจะเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาหลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในเดือน ก.พ.นี้ โดยจะมีการทยอยขึ้น และปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลกในเดือนกรกฎาคม 2554 ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ในส่วนของแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งในระยะแรกจะมีการตรึงราคาไปก่อน แต่ในอนาคตจะต้องมีการขยับราคาภาคขนส่งสูงขึ้น เพื่อป้องกันการนำเข้าที่จะเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเชื้อเพลิงมาใช้แอลพีจีเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กพช.
กำลังโหลดความคิดเห็น