นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบตามมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ให้ปรับขึ้นราคารับซื้อก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) หน้าโรงกลั่นน้ำมันตามราคาตลาดโลก มีผลทันทีพรุ่งนี้ ส่งผลให้ราคารับซื้อแอลพีจีหน้าโรงกลั่นราคา 780 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากที่รัฐบาลกำหนดราคาอยู่ที่ 330 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ช่วยให้โรงกลั่นจะผลิตแอพีจีเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 53,000 ตันต่อเดือน จากเดิม 37,000 ตันต่อเดือน รวมเป็นจะมีแอลพีจีเข้าระบบทั้งหมด 90,000 ตันต่อเดือน โดยจะสามารถผลิตได้เต็มกำลังภายใน 5 – 6 เดือน ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าแอลพีจีได้ถึง 600,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันนำเข้าแอลพีจีอยู่ที่ 1.47 ล้านตันต่อปี ทำให้เหลือการนำเข้าแอลพีจีเพียง 800,000 ตันต่อปี รวมทั้ง ช่วยลดเงินอุดหนุนแอลพีจีจากกองทุนน้ำมันฯ ได้ประมาณ 1,900 ล้านบาทต่อปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การลอยตัวราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมจะทยอยปรับขึ้นราคา หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะทยอยปรับขึ้นและปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลกในเดือนกรกฎาคมตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งในระยะสั้นจะตรึงราคาไปก่อน ส่วนในอนาคตจะปรับราคาภาคขนส่งสูงขึ้น เพื่อป้องกันการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงเชื้อเพลิงมาใช้แอลพีจีเพิ่มขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การลอยตัวราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมจะทยอยปรับขึ้นราคา หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะทยอยปรับขึ้นและปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลกในเดือนกรกฎาคมตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งในระยะสั้นจะตรึงราคาไปก่อน ส่วนในอนาคตจะปรับราคาภาคขนส่งสูงขึ้น เพื่อป้องกันการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงเชื้อเพลิงมาใช้แอลพีจีเพิ่มขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)
