xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ม.ค.พุ่งต่อเนื่อง สะท้อน ศก.ไทยฟื้นตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ม.หอการค้าฯ เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ม.ค.53 อยู่ที่ระดับ 79.3 ปรับดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สูงสุดในรอบ 4 ปีประชาชนเริ่มเชื่อมั่น ศก.ไทยปีนี้ ฟื้นได้แน่ ห่วงการมืองไม่นิ่ง ศก.อาจสะดุดลงอีก

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม 2553 อยู่ที่ระดับ 79.3 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 21 เดือน นับตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา เนื่องจากมีปัจจัยบวกเกิดขึ้นหลายปัจจัย โดยเฉพาะความหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ การขยาย 5 มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพต่อไปอีก 3 เดือน และราคาน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ ผู้บริโภคก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่อาจจะปรับตัวแย่ลง จากปัญหาทางการเมือง ภาวะค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง และปัญหาการระงับการลงทุนในมาบตาพุด ที่จะส่งผลต่อการจ้างงานในอนาคต ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 65.8 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต (ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า) ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 82.8

"การบริโภคของคนไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงตั้งแต่กลางปีขึ้นไป แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวไม่มากนักในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย แต่การบริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะความคาดหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต แต่จะต้องไม่มีความผันผวนหรือปัจจัยลบที่เกิดขึ้นรุนแรงในอนาคต ทั้งสถานการณ์ทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังส่งผลต่อจิตวิทยาในเชิงลบอย่างต่อเนื่อง"

ดังนั้น รัฐบาล ควรเริ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ตลอดจนบริหารการเมืองให้มีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น

"รัฐบาลไม่ควรถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป เนื่องจากมองว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงในด้านการฟื้นตัว ซึ่งเห็นว่างบลงทุนภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งยังจำเป็นต้องใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2553 และ 2554 แต่หากภาวะเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นไป ก็มองว่า รัฐบาลอาจจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป"

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า เศรษฐกิจในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.5- 4.0% มาจากปัจจัยสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ไม่เกิดความรุนแรง พร้อมเชื่อว่า ราคาน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล จะอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อลิตร และสิ่งสำคัญประชาชนเห็นว่า สถานการณ์อยู่ในระดับที่ไม่ผันผวนก็เชื่อว่าจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทั้ง 3 รายการดังกล่าวมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงเกือบ 100 ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น