นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น โดยดัชนีปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่ระดับ 68 มาอยู่ที่ระดับ 69.1 ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 13 เดือน ขณะเดียวกัน ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าคงทนมากขึ้น ทั้งรถใหม่ บ้านใหม่ การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนด้านธุรกิจปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
ขณะที่ผลสำรวจภาวะการณ์ทางสังคมเดือนพฤศจิกายน พบว่า ประชาชนมีความสุขในการดำเนินชีวิตสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากประชาชนคลายความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพ แต่ยังคงเป็นห่วงปัญหาสังคม ยาเสพติด และปัญหาคอร์รัปชั่น
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น แต่เป็นสัญญาณจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งยังไม่รวมปัจจัยเสี่ยงจากกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศชุมนุมยืดเยื้อในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจร้อยละ 0.2 เท่านั้น ส่งผลให้คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวที่ร้อยละ 32.4
ขณะที่ผลสำรวจภาวะการณ์ทางสังคมเดือนพฤศจิกายน พบว่า ประชาชนมีความสุขในการดำเนินชีวิตสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากประชาชนคลายความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพ แต่ยังคงเป็นห่วงปัญหาสังคม ยาเสพติด และปัญหาคอร์รัปชั่น
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น แต่เป็นสัญญาณจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งยังไม่รวมปัจจัยเสี่ยงจากกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศชุมนุมยืดเยื้อในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจร้อยละ 0.2 เท่านั้น ส่งผลให้คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวที่ร้อยละ 32.4