xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย. อยู่ที่ระดับ 69.1 ปรับตัวดีขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย. อยู่ที่ระดับ 69.1 ปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยหนุน ทั้งตัวเลขของสภาพัฒน์ที่มุมมองดีขึ้น เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย การซื้อขายในตลาดหุ้นเริ่มกระเตื้อง ราคาน้ำมันทรงตัว




นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2552 โดยระบุว่า ดัชนีปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดยรวมเดือนพฤศจิกายน 2552 อยู่ที่ 69.1 เดือนตุลาคม 2552 อยู่ที่ 68.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานเดือนพฤศจิกายน 2552 อยู่ที่ 67.8 เดือนตุลาคม 2552 อยู่ที่ 66.9 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือนพฤศจิกายน 2552อยู่ที่ 92.6 เดือนตุลาคม 2552 อยู่ที่ 91.1 โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา

"ดัชนีฯ ในเดือน ต.ค.ปรับตัวลดลง เกิดจากความไม่มั่นใจของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ"

ส่วนความเชื่อมั่นเดือนพฤศจิกายน 2552 ที่ปรับตัวดีขึ้น มีปัจจัยบวกมาจากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มปรับตัวดีขึ้น ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากสิ้นเดือนตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนที่สำคัญ คือ โครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเริ่มมีเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ผู้บริโภคยังกังวลสถานการณ์การเมือง ปัญหาการระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนตุลาคม 2552 หดตัวลง

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้า รวมถึงความไม่แน่นอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในเดือนพฤศจิกายน 2552 แม้จะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ต้องติดตาม

ทั้งนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มองว่า แม้ความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามในหลายประเด็น และยังไม่ยืนยันความชัดเจนว่าความเชื่อมั่นหลังจากนี้จะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ โดยต้องติดตามการแก้ไขปัญหามาบตาพุด การชุมนุมทางการเมือง ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาดูไบเวิลด์ รวมทั้งการลดค่าเงินดองของเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นทั้ง 3 รายการ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังเห็นความชัดเจนระบบเศรษฐกิจในประเทศผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง การพักชำระหนี้ การประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องเร่งทำให้เกิดความชัดเจนและเห็นเป็นรูปธรรม จึงเชื่อว่าหลังจากเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น ประชาชนเริ่มมีความหวังในอนาคตว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว มีการจับจ่ายใช้สอยแบบระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงปีใหม่จะมีการซื้อสินค้าคงทน เช่น บ้านและรถยนต์

ดังนั้น ไตรมาสแรกปี 2553 เศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัว และดีขึ้นในไตรมาส 2ซึ่งความเชื่อมั่นจะกลับมาปกติ โดยการบริโภคจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และหากมีการแก้ไขปัญหามาบตาพุด การเมืองนิ่ง เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 3.0-4.0 แต่หากตรงกันข้ามเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.5-4.0
กำลังโหลดความคิดเห็น