ผวาแห่ถอนเงิน คลังโร่ชง ครม.ยืดค้ำเงินฝาก ธปท.ยันแบงก์ไม่มีปัญหา

รมว.คลัง เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า เพื่อให้ขยายเวลาการค้ำประกันเงินฝากเต็มจำนวนออกไปอีก 3 ปี ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงรอบ 1 เดือน ส่งผลดีต่อตัวเลขส่งออก สั่งดูแลต้นทุนนำเข้าน้ำมันใกล้ชิด ด้านผู้ว่าฯ ธปท.ยันสภาพคล่องในระบบ ยังไม่มีปัญหา พร้อมเข้าดูแลได้ทันทีหากผิดปรกติ ย้ำแบงก์ไทยยังแข็งแกร่ง

วันนี้ (24 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในภาวะที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในระยะสั้น ไทยจำเป็นต้องดูแลผู้ฝากเงินเหมือนกับต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ฝากเงินมีความมั่นใจ ไม่ตื่นตระหนกไปถอนเงิน กระทรวงการคลังจึงเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาการค้ำประกันเงินฝากกับสถาบันการเงินให้กับประชาชนเต็มจำนวนออกไปอีก 3 ปี หลังจากให้การคุ้มครองไปตามระยะเวลาที่ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้กำหนดไว้ในระยะยาว

ส่วนกรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในรอบ 1 เดือน จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีนั้น รมว.คลัง มองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะรัฐบาลต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลง เพื่อช่วยเหลือภาคการส่งออก ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจ พร้อมระบุว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาท จะทำให้ต้นทุนการนำเข้านำมันเพิ่มสูงขึ้น เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 1 บาท จะทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 สตางค์/ลิตร อย่างไรก็ตาม ให้ขึ้นอยู่กับการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า สถาบันการเงินภายในประเทศยังมีฐานะที่แข็งแกร่ง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีปัญหาสภาพคล่องในระบบการเงิน พร้อมยืนยันว่า ธปท.พร้อมเข้าไปดูแล หากมีผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยเชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์ของไทย ยังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความผันผวนจากวิกฤตการเงินโลกได้

ผู้ว่าการ ธปท.ระบุว่า ขณะนี้ยังมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลือในระบบที่ธนาคารพาณิชย์เข้ามาลงทุนในตราสารต่างๆ ของ ธปท.ถึงวันละ 4-5 แสนล้านบาท ส่วนฐานะการเงินของธนาคารพาณิชย์ก็ยังแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ เห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน BIS ทั้งระบบ ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 15% สูงกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายที่ 8.5% ค่อนข้างมาก และจากการติดตามของธปท.ก็ยังไม่พบปัจจัย ที่จะทำให้เงินกองทุนของระบบธนาคารจะลดลงไปมาก

สำหรับปัจจัยที่ช่วยยืนยันถึงฐานะของธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ ได้แก่การที่มีกำไรค่อนข้างดี และสินเชื่อยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่สูง และมีแนวโน้มที่ธุรกิจขนาดใหญ่จะหันมาใช้สินเชื่อจากธนาคารในประเทศมากขึ้น หลังการกู้ยืมเงินในต่างประเทศทำได้ยากขึ้นในภาวะปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในส่วนหนี้เสียในปัจจุบันก็ทยอยลดลงมาตามลำดับ ส่วนที่จะมีหนี้เสียใหม่เกิดขึ้นบ้างก็ไม่ได้เป็นจำนวนที่มากจนเกิดปัญหากับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบธนาคารไทยก็ยังไม่หดหายไป เพราะไทยยังมีระบบคุ้มครองเงินฝากอยู่ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์ไทยไม่มีปัญหา