ธปท.สั่งแบงก์พาณิชย์ทำแผนรับมือกรณีเกิดโรคระบาดร้ายแรง ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งในส่วนของลูกค้า และพนักงาน โดยให้วิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวสถาบันการเงิน และหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อให้ระบบการเงินของประเทศไม่ชะงักหากเหตุการณ์เกิดขึ้น ยันไม่ได้เตือนภัยแต่เป็นการเตรียมความพร้อมในอนาคต กำหนดให้ดำเนินการเสร็จสิ้นในมีนาฯปีหน้า
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศหนังสือเวียนถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่งในการจัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง โดยสั่งการให้สถาบันการเงินทุกแห่งเตรียมแผนรองรับการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิฃย์ล่วงหน้าใน กรณีหากเกิดโรคระบาดร้ายแรง เช่น กรณีที่เกิดการกลายพันธุ์ของโรคไข้หวัดนกระบาดคนสู่คน หรือ การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาจกระทบต่อภาคธุรกิจรวมทั้งโรคระบาดร้ายแรงอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคมปี 2552
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องของสถาบันการเงินในกรณีเกิดการระบาดของโรคร้ายแรงดังกล่าว ธนาคารพาณิชย์จะต้องติดตามสถานการณ์ของโรคระบาดต่างๆอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินและการทำงานของระบบการเงินของประเทศ โดยสถาบันการเงินจะต้องศึกษาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดกับการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน ทั้งในส่วนของตัวธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเองว่ากระทบกับธุรกรรมที่ต้องเปิดบริการอย่างไร และผลกระทบต่อสวัสดิภาพและสุขภาพอนามัยของพนักงาน และเตรียมการทั้งในส่วนของการป้องกันและรองรับให้สอดคล้องกับความรุนแรงของโรค โดยหากจำเป็นมีพนักงานหยุดงานจำนวนมาก หรือมีปัญหาในการให้บริการธุรกรรม หรือมีปัญหาในการดำเนินการตามกฎเกณฑ์ของธปท.ให้หารือกับธปท.ทันทีที่เกิดโรคระบาด เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินของประเทศดำเนินต่อไปๆได้
นอกจากแผนธุรกิจของตัวสถาบันการเงินแล้ว ในแผนการรองรับกรณีเกิดโรคระบาดร้ายแรงดังกล่าว ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินยังจำเป็นที่จะต้องประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับฐานะการดำเนินการของธนาคารพาณิชย์ด้วย โดยประเมินผลกระทบทางการเงิน เพื่อเตรียมการรองรับในกรณีที่อาจจะมีลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ หรือขาดสภาพคล่องการต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าภาคอื่น เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมการให้บริการ และภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น
นายเกริก กล่าวอีกว่า การสั่งการให้สถาบันการเงิน เตรียมวางแผนธุรกิจ และรองรับผลกระทบจากเกิดกรณีโรคระบาดร้ายแรงดังกล่าวไม่ได้เป็นการสั่งการอันเนื่องมาจากธปท.ประเมินว่าจะมีโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่เป็นการสั่งการเพื่อให้การจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจประจำปีของสถาบันการเงินมีการเตรียมการเพิ่มเติมในประเด็นนี้ด้วย เพราะสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันมีความจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นและหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบในวงกว้างได้ แต่หากมีการเตรียมความพร้อมจะส่งผลดีต่อทั้งสถาบันการเงินและระบบการเงินของประเทศ โดยแผนการดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศหนังสือเวียนถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่งในการจัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง โดยสั่งการให้สถาบันการเงินทุกแห่งเตรียมแผนรองรับการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิฃย์ล่วงหน้าใน กรณีหากเกิดโรคระบาดร้ายแรง เช่น กรณีที่เกิดการกลายพันธุ์ของโรคไข้หวัดนกระบาดคนสู่คน หรือ การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาจกระทบต่อภาคธุรกิจรวมทั้งโรคระบาดร้ายแรงอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคมปี 2552
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องของสถาบันการเงินในกรณีเกิดการระบาดของโรคร้ายแรงดังกล่าว ธนาคารพาณิชย์จะต้องติดตามสถานการณ์ของโรคระบาดต่างๆอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินและการทำงานของระบบการเงินของประเทศ โดยสถาบันการเงินจะต้องศึกษาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดกับการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน ทั้งในส่วนของตัวธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเองว่ากระทบกับธุรกรรมที่ต้องเปิดบริการอย่างไร และผลกระทบต่อสวัสดิภาพและสุขภาพอนามัยของพนักงาน และเตรียมการทั้งในส่วนของการป้องกันและรองรับให้สอดคล้องกับความรุนแรงของโรค โดยหากจำเป็นมีพนักงานหยุดงานจำนวนมาก หรือมีปัญหาในการให้บริการธุรกรรม หรือมีปัญหาในการดำเนินการตามกฎเกณฑ์ของธปท.ให้หารือกับธปท.ทันทีที่เกิดโรคระบาด เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินของประเทศดำเนินต่อไปๆได้
นอกจากแผนธุรกิจของตัวสถาบันการเงินแล้ว ในแผนการรองรับกรณีเกิดโรคระบาดร้ายแรงดังกล่าว ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินยังจำเป็นที่จะต้องประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับฐานะการดำเนินการของธนาคารพาณิชย์ด้วย โดยประเมินผลกระทบทางการเงิน เพื่อเตรียมการรองรับในกรณีที่อาจจะมีลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ หรือขาดสภาพคล่องการต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าภาคอื่น เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมการให้บริการ และภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น
นายเกริก กล่าวอีกว่า การสั่งการให้สถาบันการเงิน เตรียมวางแผนธุรกิจ และรองรับผลกระทบจากเกิดกรณีโรคระบาดร้ายแรงดังกล่าวไม่ได้เป็นการสั่งการอันเนื่องมาจากธปท.ประเมินว่าจะมีโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่เป็นการสั่งการเพื่อให้การจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจประจำปีของสถาบันการเงินมีการเตรียมการเพิ่มเติมในประเด็นนี้ด้วย เพราะสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันมีความจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นและหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบในวงกว้างได้ แต่หากมีการเตรียมความพร้อมจะส่งผลดีต่อทั้งสถาบันการเงินและระบบการเงินของประเทศ โดยแผนการดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต
