พะเยา - นายก อบจ.พะเยา ยืนยันจะบริหารโรงปุ๋ย 100 ล้านต่อ จะไม่ให้กลายเป็นอนุสาวรีย์ประจานแน่เตรียมเชิญมืออาชีพบริหารภายใต้การกำกับของ อบจ.แจงเหตุผู้แทนท้องถิ่นไม่ใช่พ่อค้า
นายไพรัตน์ ตันบรรจง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา กล่าวว่า เมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา อบจ.พะเยา ได้มีการจัดการก่อสร้างโรงปุ๋ยด้วยงบประมาณการสนับสนุนจากผู้ว่า ราชการจังหวัด นายบวร รัตนประสิทธิ์ เมื่อครั้งเป็นผู้ว่า CEO จำนวน 100 ล้านบาท โดยได้จัดสร้างขึ้นในพื้นที่ ต.แม่ใส อ.เมือง จ.พะเยา บริเวณใกล้กับกว๊านพะเยา
ทั้งนี้ เนื่องจากโรงปุ๋ยดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวา สืบเนื่องจากปัญหาผักตบชวาในกว๊านพะเยาที่มีปริมาณมากทำให้เกิดภาวะตื้นเขินมาเป็นเวลานาน ซึ่งภายหลังที่ได้มีการก่อสร้างโรงปุ๋ยเสร็จสิ้นแล้วสามารถนำผักตบชวาและวัชพืชในกว๊านพะเยามาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้จำนวนหนึ่งเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ในภาคเกษตรกรรมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนต่อไป
นายก อบจ.กล่าวว่า จากการบริหารของบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่เข้ามาบริหารจัดการระบบโรงปุ๋ยหลังจากที่ก่อสร้างเสร็จสิ้นที่ผ่านมา ประมาณ 6 เดือน สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้จำนวน 1,250 กระสอบๆ ละ 50 กก.ทำให้ปริมาณผักตบชวาในกว๊านพะเยาลดลงเกือบหมดพื้นที่ แต่ในการผลิตดังกล่าวใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท
ฉะนั้น หากต้องใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายคงไม่คุ้มค่า จึงต้องวางแผนระยะยาว คือ จะต้องจัดหาวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายอย่างเป็นระบบ เพราะก่อนที่จะมีการจัดทำโรงปุ๋ยตนได้ให้คำมั่นไว้แล้วว่าโรงปุ๋ย 100 ล้านบาท แห่งนี้จะต้องไม่เป็นอนุสาวรีย์โดยเด็ดขาด
“นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ตนเห็นว่า การบริหารจัดการระบบการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ต้องเป็นมืออาชีพ เนื่องจากผู้แทนท้องถิ่นไม่มีหน้าที่ทำเรื่องการค้าขายและไม่มีความถนัด ดังนั้น วางแผนจะว่าจ้างมืออาชีพมาเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด ภายใต้การกำกับดูแลของ อบจ.ตั้งแต่ระบบการผลิตและจำหน่าย ราคาปุ๋ยที่จำหน่าย กลุ่มลูกค้าต้องผ่านการตรวจสอบของ อบจ.ด้วย เพื่อให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้” นายไพรัตน์ กล่าว
นายไพรัตน์ ตันบรรจง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา กล่าวว่า เมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา อบจ.พะเยา ได้มีการจัดการก่อสร้างโรงปุ๋ยด้วยงบประมาณการสนับสนุนจากผู้ว่า ราชการจังหวัด นายบวร รัตนประสิทธิ์ เมื่อครั้งเป็นผู้ว่า CEO จำนวน 100 ล้านบาท โดยได้จัดสร้างขึ้นในพื้นที่ ต.แม่ใส อ.เมือง จ.พะเยา บริเวณใกล้กับกว๊านพะเยา
ทั้งนี้ เนื่องจากโรงปุ๋ยดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวา สืบเนื่องจากปัญหาผักตบชวาในกว๊านพะเยาที่มีปริมาณมากทำให้เกิดภาวะตื้นเขินมาเป็นเวลานาน ซึ่งภายหลังที่ได้มีการก่อสร้างโรงปุ๋ยเสร็จสิ้นแล้วสามารถนำผักตบชวาและวัชพืชในกว๊านพะเยามาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้จำนวนหนึ่งเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ในภาคเกษตรกรรมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนต่อไป
นายก อบจ.กล่าวว่า จากการบริหารของบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่เข้ามาบริหารจัดการระบบโรงปุ๋ยหลังจากที่ก่อสร้างเสร็จสิ้นที่ผ่านมา ประมาณ 6 เดือน สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้จำนวน 1,250 กระสอบๆ ละ 50 กก.ทำให้ปริมาณผักตบชวาในกว๊านพะเยาลดลงเกือบหมดพื้นที่ แต่ในการผลิตดังกล่าวใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท
ฉะนั้น หากต้องใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายคงไม่คุ้มค่า จึงต้องวางแผนระยะยาว คือ จะต้องจัดหาวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายอย่างเป็นระบบ เพราะก่อนที่จะมีการจัดทำโรงปุ๋ยตนได้ให้คำมั่นไว้แล้วว่าโรงปุ๋ย 100 ล้านบาท แห่งนี้จะต้องไม่เป็นอนุสาวรีย์โดยเด็ดขาด
“นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ตนเห็นว่า การบริหารจัดการระบบการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ต้องเป็นมืออาชีพ เนื่องจากผู้แทนท้องถิ่นไม่มีหน้าที่ทำเรื่องการค้าขายและไม่มีความถนัด ดังนั้น วางแผนจะว่าจ้างมืออาชีพมาเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด ภายใต้การกำกับดูแลของ อบจ.ตั้งแต่ระบบการผลิตและจำหน่าย ราคาปุ๋ยที่จำหน่าย กลุ่มลูกค้าต้องผ่านการตรวจสอบของ อบจ.ด้วย เพื่อให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้” นายไพรัตน์ กล่าว
